สานฝันเปลี่ยนโลก “ซีพี” มุ่งมั่นสร้างผู้นำรุ่นใหม่

“ความยั่งยืนจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อ คนในองค์กรเรียนรู้ที่จะปรับตัวและเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการเป็นผู้นำที่เป็นสุดยอดของผู้นำแท้จริงนั้น นอกจากจะต้องมีจิตสาธารณะแล้ว ยังต้องเป็นผู้สร้างความเปลี่ยนแปลง และสร้างคนให้มาร่วมสร้างการเปลี่ยนแปลง จึงจะสามารถทำให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนขึ้นได้”

คำกล่าวเบื้องต้น คือ คำพูดของ “ศุภชัย เจียรวนนท์” ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ และประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ในระหว่างการพูดคุยแลกเปลี่ยนมุมมองกับผู้นำเยาวชนคนรุ่นใหม่ทั้ง 20 คน ซึ่งเป็นตัวแทนจากประเทศไทยเข้าร่วมประชุมสุดยอดผู้นำเยาวชนระดับโลก One Young World 2017 ณ เมืองโบโกตา ประเทศโคลอมเบีย ระหว่างวันที่ 4-7 ตุลาคมผ่านมา

ภายใต้แนวคิด “คิดเปลี่ยนโลก เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน”

“ศรินทร์รา วงศ์ศุภลักษณ์” ผู้บริหารด้านอาสาสมัคร และพัฒนาผู้นำเพื่อความยั่งยืน สำนักบริหารความยั่งยืน ธรรมาภิบาลและสื่อสารองค์กร เครือเจริญโภคภัณฑ์ เปิดเผยว่า เราเชื่อมั่นว่าแรงบันดาลใจจากการประชุม One Young World และพลังความคิดสร้างสรรค์ของคนรุ่นใหม่จะสามารถกำหนดทิศทาง และอนาคตของโลกให้เปลี่ยนแปลงไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนตามเป้าหมายขององค์การสหประชาชาติ (SDGs) หรือ Sustainable Development Goals ทั้ง 17 ข้อ

ศรินทร์รา วงศ์ศุภลักษณ์

ซึ่งสอดคล้องกับนโยบาย และความมุ่งมั่นของเครือเจริญโภคภัณฑ์ ในการพัฒนาทั้งธุรกิจ และสังคมไทยให้เติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน ภายใต้ค่านิยม 3 ประโยชน์ คือ เพื่อประเทศชาติ เพื่อประชาชน และเพื่อองค์กร

“ปีนี้เครือเจริญโภคภัณฑ์ส่งผู้นำรุ่นใหม่จากกลุ่มธุรกิจต่าง ๆ จำนวน 15 คน เข้าร่วมเวทีนี้ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ทั้งยังเปิดโอกาสให้ผู้นำเยาวชนจากองค์กรภายนอกอีกจำนวน 5 คน รับโอกาสและประสบการณ์ในระดับโลกจากเวทีนี้ด้วย ซึ่งเราอยากให้ตัวแทนประเทศไทยทุกคนได้รับแรงบันดาลใจ เพื่อนำประสบการณ์ต่าง ๆ ที่ได้รับกลับมาสนับสนุน และผลักดันสิ่งต่าง ๆ เพื่อสร้างประโยชน์ และสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นกับองค์กรของตนเอง และสังคมไทย”

“โดยเฉพาะกับน้อง ๆ ทั้ง 5 คนที่มาจากองค์กรภายนอก ที่เราต้องการให้เวทีนี้เปิดมุมมอง และประสบการณ์ใหม่ ๆ เพื่อนำกลับมาใช้ในการพัฒนางานของตนเอง หรือสิ่งที่ทำอยู่ ให้เป็นส่วนหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงสังคมไทย ในบทบาทและความตั้งใจของตนเองให้ดียิ่งขึ้น”

“ศรินทร์รา” บอกว่า การเปิดโอกาสให้กับตัวแทนเยาวชนจากสมาคมเด็ก และเยาวชนเพื่อสันติภาพชายแดนใต้ (กลุ่มลูกเหรียง) ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุความไม่สงบ 3 ในจังหวัดชายแดนใต้ เข้าร่วมเป็นหนึ่งในตัวแทนประเทศไทย พร้อมกับนำเสนอมุมมองของการสร้างสันติภาพด้วยความรัก และการให้อภัย เป็นอีกหนึ่งความมุ่งมั่นของเครือเจริญโภคภัณฑ์ ในการสนับสนุนคนรุ่นใหม่ให้เป็นผู้นำ เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้น

“เราอยากให้น้อง ๆ กลุ่มลูกเหรียงมีโอกาสไปเห็นปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นทั่วโลก ได้ประสบการณ์จากผู้นำที่ทำงานเพื่อสันติภาพจากทุกมุมโลก แล้วนำเอาองค์ความรู้ แรงบันดาลใจ ประสบการณ์ที่ได้รับไปปรับใช้กับการทำงานในพื้นที่ อย่างน้อยเขาสามารถจุดประกายเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงต่อไปได้ โดยเริ่มต้นจากตัวของเขาเอง ก่อนที่จะขยายไปสู่ครอบครัว ชุมชน สังคม รวมถึงการแก้ปัญหาในอนาคตอย่างยั่งยืน”

“เพราะนอกจากจะทำให้เยาวชนคนรุ่นใหม่เห็นว่า โลกใบนี้ยังมีคนอื่น ๆ อีกมากมายที่มุ่งมั่นและทุ่มเททำความดี และทำสิ่งดี ๆ ต่าง ๆ ให้กับประเทศ ให้กับสังคมที่เขาอยู่ แรงบันดาลใจที่เขาได้รับจะทำให้ผู้นำเยาวชนคนรุ่นใหม่ทั้ง 20 คน เปลี่ยนมุมมองต่อการทำงาน ที่ไม่ใช่แค่การทำเพื่อตนเอง แต่ต้องทำเพื่อประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติควบคู่กันไปด้วย”

“เหมือนกับโครงการผู้นำเพื่อการพัฒนาการศึกษาที่ยั่งยืน (Leadership Program for Sustainable Education) หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า CONNEXT ED ที่ได้ผู้นำรุ่นใหม่กลุ่มนี้ที่มีความสนใจในประเด็นการศึกษาเข้าไปร่วมกันขับเคลื่อนการทำงานร่วมกับภาครัฐ ภายใต้โครงการสานพลังประชารัฐ ด้านการศึกษาพื้นฐานฯ”

“CONNEXT ED” คือ ผลงานที่ขับเคลื่อนจากพลังใจของตัวแทนผู้นำรุ่นใหม่ที่ไปเห็นการเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน ต้องเริ่มจากการศึกษาที่มีคุณภาพ พอกลับมา เขาอยากผลักดันสิ่งเหล่านี้ให้เกิดขึ้น โดยใช้เรื่องของคุณภาพการศึกษาในการเปลี่ยนแปลงประเทศของเราให้ดีขึ้น

นอกจากนั้น “ศรินทร์รา” ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า การเปลี่ยนแปลง คือ ความมั่นคง เพราะถ้าเราไม่เปลี่ยนจะก้าวตามไม่ทันโลก ดังนั้น จึงมีการเตรียมพร้อมในการพัฒนาคนของเราในเรื่องของเทคโนโลยีมาแล้ว 3-4 ปี ก่อนที่จะมีการพูดถึงยุค 4.0 ด้วยซ้ำ

“เรามองว่าวันนี้ต้องพัฒนาศักยภาพของพนักงานไปในเทรนด์ของโลก 4 เรื่องสำคัญ คือ Robotic, Digital, Nano และ Biotechnology เพื่อรองรับกับการเปลี่ยนแปลงของโลกในอนาคต เพราะบุคลากรทุกคน คือ Challenge โดยจะพัฒนาจาก Strength คือ รู้ให้ได้ว่าเขาเก่งตรงไหน จากนั้นจะเข้าไปเสริมศักยภาพของเขาให้ไปในสิ่งที่เขาถนัดและชอบ เนื่องจากเราเปิดโอกาสให้พนักงานทำงานตาม Passion ที่จะทำให้เขาประสบความสำเร็จ และทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนเกิดขึ้นในองค์กร และประเทศชาติ”

“วันนี้เราเริ่มเห็นภาพของคำว่า Internet of Things ชัดเจนมากขึ้น ทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนเป็นเรื่องของ Connectivity ที่ถูกขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี ดังนั้นทุกองค์กรจะต้องเตรียมตัวที่จะพัฒนาคนในเรื่องของ IT literacy เพื่อให้ก้าวทันกับความเปลี่ยนแปลง ขณะเดียวกัน เราต้องไม่ละเลยสิ่งที่เป็นปัญหาสังคมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความยากจน หรือสิ่งแวดล้อม”

“เพราะปัญหาเหล่านี้เป็นสิ่งที่ทุก ๆ ฝ่ายจะต้องร่วมกันแก้ไข ไม่ใช่เป็นภาระของภาคส่วนใดส่วนหนึ่ง การปรับตัวไปสู่การเป็นองค์กรที่ทำงานแบบ Digitization ซึ่งคนที่จะเป็นผู้นำรุ่นใหม่ในยุค 2020 นั้น จะต้องเป็นผู้มีความรู้เรื่องเทคโนโลยี และสามารถใช้เทคโนโลยีในการสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ดีให้เกิดขึ้นกับองค์กร ประเทศชาติ และโลกของเรา ต่อไปในอนาคต”

ถึงจะทำให้ทุกภาคส่วนขับเคลื่อนเป็นภาพเดียวกัน