“ยูเครน” รุกคืบเข้าแคว้นเคิร์สก์ของรัสเซีย มีจุดมุ่งหมายอะไรกันแน่

การรุกคืบเข้าไปในแคว้นเคิร์สก์ ชายแดนติดยูเครนของรัสเซียอย่างรวดเร็ว สร้างความอับอายแก่วลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย และเกิดคำถามจะส่งผลต่อสงครามอย่างไร ซึ่งนับเป็นการบุกโจมตีข้ามแดนครั้งใหญ่ที่สุดโดยกองกำลังของยูเครนในสงครามที่ดำเนินมาเกือบ 2 ปีครึ่ง เผยให้เห็นถึงความอ่อนแอหลายประการและการรับมือกับการโจมตีแสนเจ็บปวดสำหรับรัฐบาลรัสเซีย

เอพีรายงานว่า การรุกคืบฟ้าผ่าจุดชนวนให้พลเรือนหลายพันคนอพยพหนีจากแคว้นเคิร์สก์ ขณะที่กองทัพรัสเซียกระเสือกกระสนที่จะขับไล่ฝ่ายยูเครนออกไป

สำหรับยูเครน การโจมตีข้ามพรมแดนได้แรงหนุนจากประชาชนในห้วงเวลาที่กองกำลังของประเทศขาดแคลนทั้งกำลังพลและอาวุธ ซึ่งเจอการโจมตีจากรัสเซียไม่หยุดหย่อนในแนวรบด่านหน้ายาวกว่า 1,000 กิโลเมตร

กางแผนโจมตีของฝ่ายยูเครน

กองกำลังยูเครนไหลเข้าแคว้นเคิร์สก์จากหลายทิศทางเมื่องช่วงเช้าวันอังคารที่ผ่านมา (6 สิงหาคม 2024) เต็มจุดตรวจและป้อมปราการในทุ่งที่มีอยู่ไม่กี่แห่งอย่างรวดเร็ว ซึ่งฝ่ายรัสเซียควบคุมโดยกองกำลังรักษาชายแดนที่ติดอาวุธเบา รวมถึงหน่วยทหารราบตามชายแดนติดยูเครนยาว 245 กิโลเมตร

ต่างจากการโจมตีเมื่อก่อนที่กลุ่มทหารอาสาชาวรัสเซียกลุ่มเล็ก ๆ สู้อยู่เคียงข้างกองกำลังยูเครน โดยการบุกเข้ามาในเคิร์สก์ครั้งนี้ อาศัยการทำงานของทหารหลายหน่วยจากกองพลน้อยยูเครนที่รบกันมาอย่างหนัก หลายกองพลด้วยกัน

สถาบันเพื่อการศึกษาสงคราม สถาบันคลังสมองในกรุงวอชิงตัน ระบุว่า กองกำลังยูเครนจัดการดั้นด้นเข้าไปในแคว้นเคิร์สก์ลึกถึง 35 กิโลเมตร “กองกำลังยูเครนดูเหมือนจะสามารถใช้รถหุ้มเกราะเล็ก ๆ เพื่อโจมตีฝ่าแนวรบ เนื่องจากมีทหารรัสเซียอยู่น้อยเมื่อเทียบกับขนาดพื้นที่ในพื้นที่พรมแดนดังกล่าว” กองกำลังยูเครนใช้โดรนอย่างกว้างขวางเพื่อโจมตียานรบของกองทัพรัสเซีย และติดตั้งอุปกรณ์สงครามอิเล็กทรอนิกส์เพื่อปราบโดรนและขัดขวางการสื่อสารทางทหารของฝ่ายรัสเซีย ขณะที่หน่วยเคลื่อนที่ขนาดเล็กหลายกลุ่มของยูเครนเตร็ดเตร่ไปทั่วแคว้นเคิร์สก์โดยไม่พยายามที่จะรวมการควบคุมเป็นหนึ่งเดียว กลุ่มทหารอื่น ๆ เริ่มเจาะเข้าไปรอบเมืองซุดจา ห่างจากชายแดนราว 10 กิโลเมตรและในบางพื้นที่อื่น ๆ อีกด้วย

การขาดแคลนกำลังพลจุดชนวนให้การบัญชาการทหารรัสเซียพึ่งพาเครื่องบินรบและเฮลิคอปเตอร์โจมตีเพื่อพยายามขจัดการโจมตีจากยูเครน ซึ่งเฮลิคอปเตอร์รัสเซียอย่างน้อย 1 ลำถูกยิงร่วงและอีกลำเสียหายจากการรุกคืบของกองกำลังยูเครน กระทรวงกลาโหมรัสเซียประกาศเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า ยูเครนสูญเสียทหาร 945 รายในช่วง 4 วันของการต่อสู้ แต่ไม่เผยข้อมูลผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตฝ่ายรัสเซีย

เซเลนสกีและปูตินว่าอย่างไร

นายโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครนเลี่ยงเอ่ยถึงการสู้รบในเคิร์สก์โดยตรง แต่ระบุว่า รัสเซียนำสงครามมาสู่ดินแดนยูเครน และควรได้รู้สึกถึงสิ่งที่ทำลงไป เมื่อตั้งคำถามว่า รัฐบาลเครมลินว่าอย่างไร นายวลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียอธิบายถึงการบุกของยูเครนว่าเป็นการยั่วยุครั้งใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับการระดมยิงตึกพลเรือน รถพยาบาลฉุกเฉิน บ้านเรือนที่พักอาศัยแบบไม่เลือก ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บอย่างน้อย 5 ราย รวมถึงพนักงานรถพยาบาลฉุกเฉินถูกสังหารจากการโจมตีของยูเครนในแคว้นเคิร์สก์และอีกเกือบ 70 คนได้รับบาดเจ็บ

รัสเซียประกาศภาวะฉุกเฉินระดับชาติในเคิร์สก์ เพิ่มอำนาจให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นที่จะร่วมมือกันตอบโต้เหตุฉุกเฉินได้อย่างรวดเร็ว โฆษณาชวนเชื่อของรัสเซียเน้นไปที่ความพยายามของรัสเซียที่จะให้ความช่วยเหลือต่อพลเมืองไร้ที่อยู่ ขณะที่ก็ลดความสนใจในประเด็นกองทัพรัสเซียขาดการเตรียมตัวในการโจมตี

เป้าหมายของยูเครน

จากการเปิดฉากบุก ยูเครนอาจมุ่งที่จะบีบรัฐบาลรัสเซียเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากแคว้นโดเนตสก์ ทางตะวันออก ซึ่งกองกำลังรัสเซียค่อย ๆ ได้ชัยชนะต่อเนื่อง จากการพึ่งพาอาวุธปืน ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงที่กองกำลังยูเครนกระเสือกกระสนที่จะขัดขวางการรุกคืบของรัสเซีย ทางตะวันออกของประเทศ

การโจมตีข้ามชายแดนอย่างรวดเร็วดังกล่าว แสดงถึงความสามารถของยูเครนที่จะโจมตี อีกทั้งยังทำให้แผนการหรือความหวังของรัสเซียล้มเหลวอย่างรุนแรง ทั้งเน้นย้ำความล้มเหลวที่จะคุ้มครองดินแดนและทำลายเรื่องเล่าของปูตินไม่มีชิ้นดี ที่ว่าส่วนใหญ่รัสเซียยังคงไม่ได้รับผลกระทบจากการโจมตีของฝ่ายศัตรู

แต่เนื่องจากความสำเร็จในระยะแรก การรุกคืบเข้ารัสเซียอาจทำให้ไปลดความแข็งแกร่งในหน่วยที่เก่งกาจที่สุดของยูเครนบางหน่วย และทำให้กำลังทหารในโดเนตสก์ไม่มีการเสริมกำลังเข้ามา ความพยายามที่จะอยู่ยาวในแคว้นเคิร์สก์อาจท้าทายกองกำลังยูเครน ซึ่งเส้นทางเสบียงเปราะบางต่อการยิงโจมตีจากรัสเซีย

จึงยังไม่ชัดเจนว่าเป้าหมายเชิงปฏิบัติการของยูเครนคืออะไร และกองกำลังจำนวนมากเท่าไรที่ถูกวางให้ประจำที่แคว้นเคิร์สก์ นายไมเคิล คอฟแมน นักวิเคราะห์ทางทหารจากสถาบัน Carnegie Endowment ระบุว่า โดยมากขึ้นอยู่กับว่ายูเครนมีกำลังทหารกองหนุนสำหรับปฏิบัติการและรัสเซียจัดการตอบโต้กลับได้เร็วแค่ไหนนั่นเอง

​