รอยเตอร์ส รายงานว่า กระทรวงการคลังสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขการขาดดุลงบประมาณประจำปีนี้ โดยสิ้นสุดในวันที่ 30 กันยายนที่ผ่านมา ระบุว่า ยอดงบประมาณขาดดุลเพิ่มขึ้น 17% สู่ระดับ 779,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นตัวเลขสูงสุดในรอบ 6 ปี และเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมากว่า 113,000 ล้านดอลลาร์
ส่วนรายจ่ายของรัฐบาลพุ่งขึ้นราว 3.2% แตะที่ระดับ 4.11 ล้านล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับปีงบประมาณก่อนหน้านี้ ขณะที่รายรับของรัฐบาลขยายตัวเพียง 0.4% เป็น 3.33 ล้านล้านดอลลาร์ โดยรายได้ปรับเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยจากการจัดเก็บภาษีได้มากขึ้น ในระหว่างการเปิดศึกสงครามการค้า
ทั้งนี้ เมื่อคืนวานนี้ (15 ต.ค.) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวในระหว่างออกรายการโชว์ “60 Minites” ระบุว่า รัฐบาลวอชิงตันเตรียมพร้อมที่จะเดินหน้าตามแผนที่เคยประกาศไว้ ว่าจะจัดเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนครั้งสุดท้ายและจะเป็นครั้งใหญ่ที่สุด คาดว่ามูลค่าสูงถึง 267,000 ล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 25% จาก 10% ในปัจจุบัน
โดยภายในสัปดาห์นี้ สหรัฐฯ เตรียมจะประกาศ “ประเทศที่บิดเบือนค่าเงินโลก” ในรอบครั้งปีแรกของปีนี้ ทั้งนี้ นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐ ยืนยันด้วยว่า “จีน” จะเป็นหนึ่งในประเทศที่จงใจปั่นค่าเงินให้อ่อนค่าลง เพื่อทำให้สหรัฐเสียเปรียบทางการค้ากับจีน
