องค์การอาหารและยา (FDA) และศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) สหรัฐ ร่วมกันเรียกร้องให้ระงับการฉีดวัคซีนโควิดของบริษัท “จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน” ระหว่างตรวจสอบผู้ที่มีผลข้างเคียง “ลิ่มเลือด” ทั้งหมด 6 คน
วันที่ 13 เมษายน 2564 สำนักข่าวไฟแนนเชียล ไทมส์ รายงานว่า ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) และองค์การอาหารและยา (FDA) สหรัฐ ร่วมกันเรียกร้องให้ระงับการใช้งานวัคซีนโควิดของบริษัท “จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน” (Johnson & Johnson) ขณะตรวจสอบกรณีเกิดผลข้างเคียงลิ่มเลือด
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- อะไรทำให้ “ทองคำ” แพง สงคราม หรือการเก็งกำไร ?
ทั้งสองหน่วยงาน กล่าวว่า ตอนนี้กำลังตรวจสอบผู้ที่มีอาการ “ลิ่มเลือด” ซึ่งเกิดขึ้นได้ยากและมีอาการรุนแรง หลังจากการฉีดวัคซีนโควิดจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ทั้งหมด 6 คน
โดยผู้ที่มีผลข้างเคียงดังกล่าว เป็นผู้หญิงที่มีอายุระหว่าง 18-48 ปี และเริ่มแสดงอาการ 6-13 วัน หลังจากได้รับการฉีดวัคซีนนี้
ทั้งนี้ ประเทศสหรัฐได้ฉีดวัคซีนโควิดของบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ไปเกือบ 7 ล้านโดสแล้ว
ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐ ระบุว่า จะตรวจสอบถึงอาการดังกล่าวกับอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค (ACIP) ในวันพรุ่งนี้ (14 เม.ย.)
ขณะเดียวกัน องค์การอาหารและยาสหรัฐก็กำลังสืบสวนถึงความรุนแรงของอาการลิ่มเลือดดังกล่าว
“จนกว่าขั้นตอนการตรวจสอบจะเสร็จสิ้น ทางองค์กรแนะนำให้ระงับการใช้งานวัคซีนนี้ เพื่อเป็นการระวังไว้ก่อน และเป็นภารกิจสำคัญของทางองค์กร เพื่อที่จะเข้าใจและวางแผนการรักษาอาการลิ่มเลือดนี้” ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐ กล่าว
วัคซีนของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันแตกต่างจากวัคซีนอื่นอย่าง ไฟเซอร์, โมเดอร์นา และแอสตร้าเซนเนก้า เนื่องจากเป็นวัคซีนที่ต้องฉีดเพียงโดสเดียวต่อคน ขณะที่เจ้าอื่นต้องฉีดวัคซีน 2 โดส
ก่อนหน้านี้ หน่วยงานกำกับดูแลด้านยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพของยุโรป (EMA) ได้ระบุว่า วัคซีนโควิดของ “แอสตร้าเซนเนก้า พีแอลซี” นำมาสู่การเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันหลอดเลือดร่วมกับภาวะเกล็ดเลือดต่ำ
แม้จะพบได้ยากมาก แต่บางประเทศภายในยุโรปจำกัดอายุขั้นต่ำ ผู้ที่จะได้รับการฉีดวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้า เนื่องจากเป็นโรคที่มักพบในคนที่อายุยังน้อย