“ประจิน” ยันพื้นที่ปลูกกัญชาไม่ชัดเจน ปัดกระแสข่าวดูพื้นที่ปลูก 10 ก.พ.นี้

เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์  ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวเปิดการประชุมวิชาการและปาฐกถาพิเศษเรื่อง “การวิจัยและพัฒนาสารสกัดกัญชาทางการแพทย์เพื่อการพัฒนาประเทศ” ซึ่งจัดโดยองค์การเภสัชกรรม(อภ.) ร่วมกับหน่วยงานวิจัย และนักวิจัยที่สนใจเรื่องนี้เข้าร่วมมากมาย  ว่า ประเทศไทยมีพืชยาเสพติดหลายตัวที่มีทั้งคุณประโยชน์ และความเป็นโทษ สามารถนำไปวิจัยต่อยอดองค์ความรู้ได้ อย่างเช่น กัญชง และกัญชา เป็นต้น ซึ่ง อะไรที่เป็นประโยชน์รัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนอยู่แล้ว แต่ก็ต้องมีการศึกษาวิจัยตามหลักวิชาการ ให้ได้องค์ความรู้ เกิดเป็นเทคโนโลยี นำสู่การพัฒนาสังคม เศรษฐกิจของประเทศต่อไปได้ ซึ่งเชื่อว่าน่าจะทำได้สำเร็จ

พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า เรื่องกัญชานั้นตนติดใจมานานว่าเมื่อไหร่จะมีการสังคายนา มีการศึกษาวิจัยทางวิชาการ วันนี้ในการประชุมวิชาการที่มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลและเดินหน้าสู่การวิจัย คือเป็นการตั้งต้นที่ดี หากสำเร็จน่าจะช่วยลดการนำเข้ายาจากต่างประเทศได้เยอะ เพราะปัจจุบันมีการนำเข้ายาจากต่างประเทศในภาพรวมปีละกว่า 1.6 แสนล้านบาท อย่างไรก็ตามจะต้องวางแผนเป็นขั้นเป็นตอน จะทำอะไร 1,2,3,4 สิ่งสำคัญคือในการทำงานต้องชี้ให้ชัด 2-3 มาตรการ คือ 1.มาตรการการวิจัย 2. มาตรการควบคุมกัญชาตั้งแต่พื้นที่ปลูก การเก็บไปวิจัย การทำวิจัยในห้องแลปต่างๆ ไม่ให้มีการเล็ดลอดออกไป และ 3.มาตรการทางกฎหมาย ที่อยู่ระหว่างการปรับแก้เพื่อรองรับการศึกษาวิจัยอยู่ในชั้นคณะกรรมการกฤษฎีกา นอกจากนี้ ขอย้ำการหาแนวทางป้องกันการนำไปเป็นสารตั้งต้นในการผลิตยาเสพติดชนิดอื่นๆ ด้วย เหมือนก่อนหน้านี้ที่มีการเอายาแก้ไข กาว ไปเป็นสารตั้งต้น

เมื่อถามถึงพื้นที่เพาะปลูกกัญชาจะเริ่มเดินหน้าได้เมื่อไหร่ พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า เรื่องพื้นที่เพาะปลูกที่มีการออกมาพูดก่อนหน้านี้นั้น ยังไม่ได้เป็นข้อสรุป เป็นเพียงข้อเสนอหนึ่งเท่านั้นที่อาจจะไม่สอดรับช่วงเวลา เพราะมาตรการต่างๆ ยังไม่ชัดเจน ตอนนี้ยังไม่ได้มีการพูดถึงการเพาะปลูกเลย การประชุมวันนี้ก็จะไม่มีการพูด หรือเสนอเรื่องนี้ ส่วนกระแสข่าวว่าจะมีการลงพื้นที่ดูพื้นที่เตรียมการเพาะปลูกในวันที่ 10 กุมภาพันธ์นั้นตนไม่แน่ใจ แต่ก็ไม่น่าจะมี

เมื่อถามต่อว่าความล่าช้าจะทำให้เสียโอกาสหรือไม่ พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า ที่ผ่านมาก็ผ่านมากี่ปีแล้ว ถามว่าถ้าจะช้าไปอีก 3-4 เดือน ดีกว่าเสี่ยงทำอะไรตอนนี้ ดังนั้นต้องรอบคอบ

ด้าน ภญ.นันทกาญจน์ สุวรรณปิฎกกุล ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนา องค์การเภสัชกรรม  กล่าวว่า ตอนนี้มีบางหน่วยงานที่ขออนุญาตศึกษาวิจัยการใช้ประโยชน์จากกัญชาไปแล้ว ส่วนการประชุมครั้งนี้มีการเชิญผู้เชี่ยวชาญจากหลายสาขา จากนั้นจะสรุปข้อเสนอแนะว่าจะมีการเดินหน้าศึกษาวิจัยเพื่อใช้ประโยชน์จากกัญชาอย่างไรบ้าง  เบื้องต้นมีการใช้กัญชาทางการแพทย์ในหลายๆ ประเทศ ในบางกลุ่มโรคแล้ว อาทิ ใช้เพื่อการลดปวดจากการรักษาโรคมะเร็ง โรคพาร์กินสัน เป็นต้น

 

 


ที่มา มติชนออนไลน์