โดนัลด์ ทรัมป์ กับ 6 อุปสรรคที่จะสกัดเขาชิง ปธน.สหรัฐฯ รอบ 2

ทรัมป์

ที่มาของภาพ, Getty Images

อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาอีกครั้งในการเลือกตั้งปี 2024 เป็นเรื่องที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยเลยที่อดีตผู้นำสหรัฐฯ จะลงชิงตำแหน่งอีกครั้งหลังแพ้การเลือกตั้งไป 

นายทรัมป์บอกว่า ภารกิจที่รออยู่ไม่ใช่งานสำหรับผู้สมัคร “ตามธรรมเนียมแบบแผน” แต่เป็นงานสำหรับการเคลื่อนไหวของคนหลายล้านคนซึ่งเคยปูทางให้เขาได้เป็นประธานาธิบดีเมื่อ 6 ปีที่แล้ว

อย่างไรก็ดี มีเหตุผลหลายประการที่จะทำให้การลงสมัครชิงตำแหน่งผู้นำประเทศในรอบนี้ของเขาไม่ง่ายอย่างที่หวัง นี่คือเหตุผลว่าทำไม

1. ความไม่สำเร็จในอดีต 

เมื่อ 8 ปีที่แล้ว เขาไม่มีประวัติทางการเมืองใด ๆ ทั้งสิ้น คนอเมริกาก็เลยสามารถฝากความหวังและความปรารถนาต่าง ๆ ไว้กับตัวเขาได้เต็มที่ เขาสามารถให้คำมั่นสัญญาต่าง ๆ มากมายโดยผู้วิพากษ์วิจารณ์ไม่สามารถยกความล้มเหลวในอดีตของเขามาโต้แย้งได้

แต่ไม่ใช่อย่างนั้นอีกต่อไปแล้ว แม้ว่าเขาจะทำนโยบายบางอย่างสำเร็จ อาทิเช่น ลดภาษีและปฏิรูปกฎหมายอาชญากรรม แต่เขาก็เผชิญความล้มเหลวหลายอย่าง

ผู้สนับสนุนพรรครีพับลิกันต้องจำได้ว่าเขาไม่สามารถยกเลิกแผนปฏิรูปด้านสาธารณสุขของพรรคเดโมแครตได้ และที่สัญญาซ้ำ ๆ ว่าจะลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานก็ไม่เคยเกิดขึ้นจริง นอกจากนี้ยังมีประวัติเรื่องการรับมือวิกฤตโควิดระบาดด้วย

2. เหตุจลาจลเมื่อ 6 ม.ค. 2021

นอกจากนี้ เขาจะต้องโดนวิจารณ์เรื่องการรับมือกับเหตุจลาจลกลางกรุงวอชิงตัน ดีซี ที่แคปิตอล ฮิลล์ เมื่อ 6 ม.ค. 2021 ก่อนเขาจะลงจากตำแหน่งประธานาธิบดี

คนคงไม่ลืมภาพผู้สนับสนุนทรัมป์ที่โบกธงรูปเขาขณะบุกเข้าไปในอาคารรัฐสภาเร็ว ๆ นี้

ผลการเลือกตั้งกลางเทอมอาจเป็นภาพสะท้อนของผลพวงจากเหตุการณ์นั้นได้ มีผู้สมัครพรรครีพับลิกันหลายคนที่ออกมาเห็นด้วยกับการที่ทรัมป์ปฏิเสธว่าตัวเองไม่ได้แพ้การเลือกตั้งเมื่อปี 2020 ที่ต้องพบกับความพ่ายแพ้ ผู้สมัครพรรครีพับลิกันหลายคนทำผลงานได้แย่กว่าผู้สมัครพรรคเดียวกันที่ไม่ได้ออกมาปฏิเสธผลเลือกตั้งอย่างเปิดเผยเท่า

3. คดีความ 

เหตุผลหนึ่งที่ดูทรัมป์อยากจะลงสมัครชิงตำแหน่งผู้นำประเทศอีกครั้งคือมันจะเปิดทางให้เขาบอกว่าการสอบสวนทั้งคดีแพ่งและคดีอาญาที่เขาเผชิญอยู่เป็นส่วนหนึ่งของการพยายามจะแก้แค้นทางการเมือง

แม้ว่านี่อาจได้ผลในเชิงการประชาสัมพันธ์ตัวเองแต่คดีความต่าง ๆ ที่ทรัมป์เผชิญอยู่ก็มีอยู่จริง

ตอนนี้นายทรัมป์โดนไต่สวนคดีอาญาว่าไปแทรกแซงการเลือกตั้งในรัฐจอร์เจีย, คดีแพ่งว่าเขาฉ้อโกงในการทำธุรกิจตัวเองในนิวยอร์ก, คดีหมิ่นประมาทเกี่ยวกับข้อกล่าวล่วงละเมิดทางเพศ, การสอบสวนโดยรัฐบาลกลางถึงส่วนร่วมของเขาในเหตุจลาจลเมื่อวันที่ 6 ม.ค. และการดูแลเอกสารลับทางราชการหลังจากที่เขาพ้นจากตำแหน่งประธานาธิบดีไปแล้ว

การสืบสวนคดีใด ๆ ก็ตามอาจนำไปสู่การพิจารณาคดีที่จะกลายเป็นข่าวใหญ่ และอย่างน้อยก็จะทำให้การหาเสียงของเขาต้องเสียหลักไปเป็นการชั่วคราว

อย่างน้อยที่สุด ประเด็นเหล่านี้จะทำให้เขาเสียสมาธิ แต่สถานการณ์ก็อาจเลวร้ายถึงขั้นที่เขาต้องชดเชยเงินเป็นจำนวนมหาศาลหรือไม่ก็อาจต้องจำคุกเลยก็ได้

ชิง ปธน.สหรัฐฯ

ที่มาของภาพ, Getty Images

4. คู่แข่งที่แข็งแกร่งกว่า 

คราวที่แล้ว ทรัมป์ต้องแข่งกับเจบ บุช ผู้ว่าการรัฐฟลอริดา เพื่อชิงชัยให้ได้ตัวแทนของพรรครีพับลิกันที่จะลงสมัครเป็นประธานาธิบดี ในตอนนั้น วิสัยทัศน์ของนายบุชในเรื่องผู้อพยพและนโยบายการศึกษาไม่สามารถเอาชนะใจฐานเสียงผู้สนับสนุนพรรครีพับลิกันได้ และถึงตอนนั้นตระกูลบุชก็ไม่ได้มีอิทธิพลในพรรคอย่างที่เคยแล้ว

ในครั้งนี้ ทรัมป์อาจต้องแข่งกับผู้ว่าการรัฐฟลอริดาอีกครั้งแต่คราวนี้เป็นนายรอน ดีซานทิส แต่เจ้าตัวยังไม่ได้ประกาศยืนยันว่าจะลงแข่ง

นายดีซานทิสต่างจากบุชตรงที่เพิ่งชนะการเลือกตั้งเป็นผู้ว่าการรัฐฟลอริดาสมัย 2 อย่างถล่มทลาย โดยชัยชนะครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่าเขาเป็นที่ชื่นชอบของผู้สนับสนุนพรรครีพับลิกัน

แม้ว่าจะไม่เคยมีประสบการณ์ทางการเมืองในเวทีระดับประเทศ แต่เขาก็เป็นดาวรุ่ง นายดีซานทิสอาจเป็นตัวเลือกสำหรับคนในพรรคที่ไม่อยากให้โอกาสทรัมป์อีกครั้ง

5. ความนิยมตกต่ำ 

คืนก่อนที่นายทรัมป์จะประกาศลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดี มีการเผยแพร่โพลสำรวจความคิดเห็นหลายชิ้นที่ชี้ว่านายทรัมป์ได้รับความนิยมตามหลังนายนายดีซานทิสอยู่มากในหมู่ผู้สนับสนุนพรรครีพับลิกันทั้งในรัฐไอโอวา, รัฐนิวแฮมเชียร์, รัฐฟลอริดา และรัฐจอร์เจีย

ในการทำเอ็กซิทโพลหลังการเลือกตั้งกลางเทอม ในรัฐนิวแฮมเชียร์ มีผู้ใช้สิทธิ์ 30% เท่านั้นที่อยากให้ทรัมป์ลงสมัครประธานาธิบดีอีกครั้ง อย่างในฟลอริดา ตัวเลขอยู่แค่ 33% เท่านั้น

6. อายุ 

ถ้าชนะการเลือกตั้ง นายทรัมป์จะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีตอนอายุ 78 ปี แม้ว่าจะอายุเท่ากันกับตอนนายไบเดนย้ายเข้าทำเนียบขาว นี่จะทำให้เขาเป็นประธานาธิบดีที่อายุมากที่สุดเป็นอันดับสองในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ

แต่อายุที่มากขึ้นก็ส่งผลต่อแต่ละคนแตกต่างกันไป ไม่มีใครการันตีได้ว่านายทรัมป์จะสามารถเดินทางหาเสียงเพื่อให้ได้เป็นตัวแทนของพรรครีพับลิกันไหว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาต้องไปแข่งขันกับผู้สมัครคนอื่น ๆ ที่อายุน้อยกว่า

ในอดีต นายทรัมป์แสดงให้เห็นว่าเขาแข็งแกร่งแค่ไหน อย่างไรก็ดี คนทุกคนก็ย่อมมีขีดจำกัด

…….

ข่าว บีบีซี ไทย ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ ประชาชาติธุรกิจ เป็นความร่วมมือของสององค์กรข่าว