อภิสิทธิ์ เชื่อเลือกตั้งครั้งหน้า การเมืองติดล็อก วิธีโหวตนายกฯ

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

“อภิสิทธิ์” ปักธง ต้องแก้รัฐธรรมนูญ ใจกลางปัญหา มาตรา 272 ชี้ความผิดพลาดการเมือง เกิดจากความจงใจเขียนรัฐธรรมนูญ 

วันที่ 8 กันยายน 2565นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปรองดองสมานฉันท์ สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน” จัดโดย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร (MUT) ตอนหนึ่งว่า ประเทศไทยได้สูญเสียขีดความสามารถในการแข่งขันไปมาก และไม่สามารถกินบุญเก่าได้อีกต่อไป เพราะขณะนี้ไทยได้รับผลกระทบและมีความท้าทายให้ต้องแก้ปัญหาในทุกด้าน

ไม่ว่าจะเป็นภาคอุตสาหกรรม ภาคการเกษตร ภาคการท่องเที่ยวและบริการ รวมถึง ไทย ได้กลายเป็นสังคมสูงวัยที่ประสบปัญหาภาวะการขาดแคลน และเผชิญรายจ่ายด้านสุขภาพที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ไทยเป็นไม่กี่ประเทศที่ก้าวสู่สังคมสูงวัยโดยที่ฐานะประเทศไม่ดี และไม่มีระบบสวัสดิการ

รวมถึงความเหลื่อมล้ำที่มีมากขึ้น และภาวะโลกร้อนที่เผชิญ ไทยอยู่ในภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ภาคอุตสาหกรรมต้องปรับตัว การท่องเที่ยว การเกษตรทุกกิจกรรมต้องเป็นต้องมิตรกับสิ่งแวดล้อม สุดท้ายความขัดแย้งในเชิงภูมิรัฐศาสตร์ ตอนนี้กลับมาอยู่ในโลกที่เกิดสงคราม ความท้าทายทั้งหมดที่กล่าวมา หากจะให้ประเทศไทยพัฒนาอย่างยั่งยืนได้จำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนในเชิงโครงสร้างครั้งใหญ่

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไทยต้องมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้าง เพราะปัจจุบันโครงสร้างไม่สอดกับสภาวะแวดล้อมของโลกและความท้าทายที่เกิดขึ้นมา ซึ่งการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวต้องเป็นในภาวะที่การเมืองต้องเข้มแข็งขึ้น

ซึ่งหลายปีที่ผ่านมา ไทยออกแบบกติกาการเมือง ที่ไม่ได้รัฐบาลที่มาจากระบอบประชาธิปไตย ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในสภาไม่ใช่ความผิดพลาด แต่เกือบจะเรียกได้ว่าเป็นความจงใจของรัฐธรรมนูญในปัจจุบันที่จะขับเคลื่อนประเทศ โดยรัฐบาลเป็นแกนเขียนขึ้นมา โดยความวิตกและจะทำให้กลับไปสู่ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น ถ้าปล่อยให้ฝ่ายการเมืองมีบทบาทสำคัญก็จะไม่จบ

“ถ้าจะให้ประเทศไทยเดินหน้าต่อไปได้นั้น จะต้องมีการปลดล็อก หรือคลายปมปัญหาความขัดแย้ง คือ 272 แห่งรัฐธรรมนูญ 2560 ที่กำหนดบทเฉพาะกาล ให้อำนาจ ส.ว.ที่มาจากการแต่งตั้ง 250 คน ร่วมเลือกนายกรัฐมนตรี โดยให้เป็นของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ตามที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 159 กำหนดเท่านั้น ซึ่งถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจากวันนี้ถึงกลางปีหน้า และมีการเลือกตั้ง ประเทศก็จะเดินหน้าต่อไม่ได้ เพราะก็จะติดอยู่กับมาตรานี้”

รัฐธรรมนูญจะเป็นกล่องแห่งความฝันได้หรือไม่นั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อไปว่า การจัดทำรัฐธรรมนูญจะเป็นการเปิดเวทีให้คนคิดต่างมีส่วนร่วมในการทำกติการ่วมกัน ฉะนั้น ถ้าเราเดินตามนี้ได้ จะเป็นการสร้างความหวัง จะมีเวทีการเขียนกติกาที่ทุกคนเข้ามามีโอกาสมีส่วนร่วม เพราะต่อให้สิ่งที่เขียนออกมา ทุกคนอาจจะไม่เห็นด้วย แต่เชื่อว่าจะมีกติกาที่ทุกคนยอมรับ และสร้างกลไกตรวจสอบถ่วงดุล คนเข้าสู่อำนาจ

อย่างไรก็ตาม ในต่างประเทศเวลามีเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับนักการเมือง ไม่ว่าจะเรื่องใด นักการเมืองในต่างประเทศจะรับผิดชอบโดยการลาออก แต่ในไทยไม่ได้เป็นแบบนั้น สิ่งที่ดีที่สุด คือ สร้างศรัทธาโดยถอยตัวเองให้ออกไป รวมถึงควรเข้าใจภาคประชาชนที่มาเรียนรู้ สร้างเวทีเพื่อหาข้อยุติ มากกว่ากดทับปัญหา

นายอภิสิทธิ์ยืนยันว่า “ผมยังยืนยันความเชื่อว่า ไม่มีใครเขียนบทว่าอะไรจะเกิดขึ้นล่วงหน้าได้ สิ่งที่ต้องทำ คือ เราทุกคนต้องช่วยกันเขียน ถ้าอยากขจัดความขัดแย้ง ต้องช่วยกัน ส่งสัญญาณไปผู้มีอำนาจว่าหมดเวลาหรือยังที่จะรักษาอำนาจเพื่อมีอำนาจ แล้วปล่อยให้ประเทศสังคมเดินไปเอง”

“ควรสนับสนุน การเลือกตั้งครั้งหน้าให้มีการประชามติ ในการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ ที่ทุกคนยอมรับ และช่วยกันคิดต่อว่า เราจะไม่เดินซ้ำรอยกับการเมืองที่ผิดพลาดในอดีตอย่างไร และช่วยกัน ขณะที่ สื่อมวลชน สร้างเวทีให้ถกเถียงด้วยเหตุผล และทุกคนฝึกตนเองมากขึ้นในการยอมรับ  สนทนาแลกเปลี่ยนด้วยเหตุและผล เพราะมนุษย์ไม่เหมือนกัน ไม่มีใครถูกทุกเรื่องทุกคนแลกเปลี่ยนกัน”