เพื่อไทยสู้คดียุบพรรค แก้เกม “เขา” จัดการผู้นำทำลายโอกาส ไม่ให้ตั้งรัฐบาล

ชลน่าน เพื่อไทย ตั้งรับคดียุบพรรค

ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย หวั่นชนะแต่ไม่ได้จัดรัฐบาล เผยพรรคต่อสู้กับ “เขา” จัดการผู้นำ ทำลายโอกาสของ “เรา” เป็นภัยต่อสถาบัน เป็นพรรคครอบครัว แสวงหาประโยชน์ ทุจริตคอร์รัปชั่น

วันที่ 1 เมษายน 2566 นพ.ชลน่าน ศรีเแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดน่าน เปิดเผยว่าพรรคเพื่อไทย แม้ว่าจะมีจุดแข็งเรื่องนโยบาย และบุคลากรการเมืองของพรรค ที่มีคุณภาพ แต่ถ้าจะให้พูดว่าจุดเสี่ยงของพรรคคืออะไร นพ.ชลน่าน ตอบว่า มีรัฐซ้อนรัฐ ที่คุกคามเพื่อไทย

“การเมืองไทยเป็นการเมืองที่ยังไม่เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง อำนาจไม่ได้เป็นของปวงชนชาวไทยที่แท้จริง จึงมีอำนาจที่อยู่ทั้งในระบบและนอกระบบ หลายคนใช้คำว่ารัฐซ้อนรัฐ ภาพการเมืองไทยแบบนี้เป็นสิ่งที่มาคุกคามเรา และทำให้เรามีข้อด้อย ในแง่ที่เขาใช้กลไกเหล่านี้บอกเราว่า เราเป็นภัยต่อสถาบัน เป็นพรรคครอบครัว แสวงหาประโยชน์ ทุจริตคอร์รัปชั่น” หัวหน้าพรรคเพื่อไทยกล่าว

หัวหน้าพรรคเพื่อไทยไทยอธิบายด้วยว่า “ที่ผ่านมาเขาทำจริง คือ ยุบพรรคไทยรักไทย ยุบพรรคพลังประชาชน พยายามยุบพรรคเพื่อไทย จัดการผู้นำของเรา ทำลายโอกาสของเรา ไม่ใช่เฉพาะพรรคเพื่อไทยนะ ใครก็ได้ที่แหลมมาในลักษณะที่เขาเกิดความระแวง ความสงสัย ว่าจะแย่งอำนาจไปจากเขา เขาก็จัดการ เช่นพรรคข้างบ้านนี่ไง (พรรคอนาคตใหม่) เขาก็โดนเหมือนกัน นี่คือจุดเสี่ยง”

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เวลาที่พูดถึง “เขา” ว่าเป็นภัยคุกคามเพื่อไทย ในใจคิดถึงใคร นพ.ชลน่าน ระบว่า “เขาเป็นคนไม่มีตัวตน แต่เรารู้ว่ามีอำนาจ และกลไกการใช้อำนาจเขาก็เข้มแข็งมากผ่านกระบวนการอำนาจในระบบที่เป็นอำนาจตัวบทกฎหมาย อำนาจนอกระบบ และเรื่องของความเชื่อความศรัทธามาผสมปนเปกันทั้งหมด ทำให้คนกลุ่มหนึ่งไปยึดติดตรงนั้น อาจเป็นเพราะว่าเขาได้ประโยชน์”

“มันเป็นโจทย์ที่พรรคเพื่อไทยจะต้องแก้เกม การสื่อสารทางการเมือง ชี้ให้เขาเห็นภาพ เห็นของจริงคืองานหนักของพวกเรา”

ส่วนคู่แข่งทางการเมืองกับ “เขา” หรือ “มือที่มองไม่เห็น” นั้นสิ่งไหนน่ากลัวกว่ากัน นพ.ชลน่าน ตอบว่า “ถ้าแยกกัน มือที่มองไม่เห็นน่ากลัวกว่า เพราะเขามีกลไกหลายอย่างโดยเฉพาะกลไกการเปลี่ยนคะแนน และน่ากลัวที่สุดคือ ถ้ามือที่มองไม่เห็นกับคู่แข่งบวกกัน ซึ่งแนวโน้มเป็นอย่างนั้น เขาก็ใช้กลไกที่เขามีอยู่นี่แหละบวกคะแนนให้กับคู่แข่งเรา”

“เราต้องยอมรับว่าระบบการเมืองเราเป็นระบบการเมืองซ่อนรูป ที่ไม่ใช่ประชาธิปไตยที่แท้จริง ดังนั้น การจะได้ อำนาจจากประชาชนอย่างแท้จริงจึงเป็นไปได้ยาก แม้ได้ยากมาแล้วก็ยังไม่เป็นไปตามที่ประชาชนต้องการอีก เพราะกติกาเขาล็อกเอาไว้”

ทั้งนี้ เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทย ตั้งรับคดียุบพรรคอย่างไร หัวหน้าพรรค ระบุว่า “เป็นความพยายามของผู้คน ที่เขาอยู่ฝ่ายตรงข้ามว่าอะไรทำลายเราได้ก็ทำ เรามีคณะทำงานเฝ้ามองเฝ้าดูโดยฝ่ายกฎหมายเป็นหลัก คอยติดตามว่ามีการกระทำแบบนี้มากน้อยขนาดไหน นอกจากนี้ ถือเป็นนโยบายของเราทุกฝ่าย ต้องมีจุดหมายร่วมกันว่า พรรคเราสุ่มเสี่ยงที่จะถูกกลั่นแกล้งยุบพรรค”

“ทุกคนจึงต้องมีจิตสำนึกระมัดระวังอยู่ตลอดเวลาว่าอย่าได้เผลอ หลงผิด พลั้งพลาดไปกระทำให้เข้าเงื่อนไข เราตั้งการ์ดระดับสูงเลย เช่น ผู้สมัคร ส.ส.ที่เป็นกรรมการบริหารพรรค พอใกล้เลือกตั้งเราให้เขาลาออกเลย เพราะมันสุ่มเสี่ยงมากที่จะถูกกลั่นแกล้งและกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง เพราะการกลั่นแกล้งมันง่ายมาก และทีมเฝ้าระวังก็คอยแก้ไข เช่น มีคนไปร้องเราก็ไปดูว่าเข้าเงื่อนไขอย่างไร”