ครม.อัดโปรจอดรถ2ชั่วโมง10บาท ดึงคนใช้สายสีเขียว “แบริ่ง-สมุทรปราการ” เปิดหวูด6ธ.ค.นี้

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่เกี่ยวกับกระทรวง โดยมีมติที่น่าสนใจใน 3 ประเด็น ได้แก่

​1.เห็นชอบให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) จำหน่ายอสังหาริมทรัพย์, ทรัพย์สิน และโอนภาระทางการเงินในโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง – สมุทรปราการ และช่วงหมอชิต – คูคต (ไม่รวมอาคารจอดแล้วจร) เพื่อดำเนินการตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ให้กรุงเทพมหานคร (กทม.) เป็นผู้รับภาระและบริหารจัดการเดินรถ โดยเป็นการปฏิบัติตาม พ.ร.บ.การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย 2543 มาตรา 75 (5) รวมถึงเห็นชอบร่าง MOU การรับโอนหนี้สินและทรัพย์สินโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ และช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต วงเงิน 111,175.20 ล้านบาท ทั้งนี้ เพื่อให้ทันกับการเปิดให้บริการเดินรถที่ กทม.กำหนดไว้ในวันที่ 6 ธ.ค.นี้

​โดยการโอนภาระทางการเงินนี้ จะทำให้ กทม.มีภาระค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนเงิน 51,785.37 ล้านบาท (ค่างานโครงสร้างพื้นฐาน 44,429 ล้านบาท และค่าชดใช้เงินค่าจัดกรรมสิทธิ์และดอกเบี้ย รวมถึงค่าธรรมเนียมเงินกู้ของค่างานโครงสร้างพื้นฐานที่สำนักงบประมาณได้จัดสรรงบเพื่อชำระไปล้ว 7,356.37 ล้านบาท)

​2.ให้ความเห็นชอบหลักการ ร่างข้อบังคับของ รฟม. ว่าด้วยอัตราค่าบริการจอดรถยนต์และวิธีจัดเก็บค่าบริการจอดรถยนต์โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง – สมุทรปราการ พ.ศ….โดยแบ่งอัตราการจัดเก็บค่าจอดรถ 3 แบบ 1.สำหรับผู้ใช้บริการรถไฟฟ้า เริ่มต้น 10 บาท/2 ชม. 2.ประชาชนทั่วไปที่ไม่ได้ใช้รถไฟฟ้า เริ่มต้นที่ 20 บาท/ชม. และ 3. สำหรับรถมอเตอร์ไซด์ เริ่มต้นที่ 10 บาท/4 ชม.ส่วนผู้ที่จะจอดรถยนต์แบบรายเดือน จะเก็บที่ 1,000 บาท/เดือน

​และ 3.เห็นชอบร่างข้อบังคับ รฟม.ว่าด้วยการกำหนดอัตราค่าโดยสารร่วม วิธีจัดเก็บค่าโดยสารร่วม และการกำหนดประเภทบุคคลที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องจ่ายค่าโดยสารร่วม ระหว่างรถไฟฟ้าสายสีม่วงและสายสีน้ำเงิน เพราะเมื่อวันที่ 24 ต.ค.ที่ผ่านมา ครม.เห็นชอบให้จัดเก็บค่าโดยสารตามอัตราใหม่ 16-42 บาท หลังจากที่รฟม.ตรึงค่าโดยสารเดิมจนถึง 30 พ.ย.ที่ผ่านมา