ยอดคนติดเชื้อโควิดรายใหม่เพิ่มอีก 104 ราย ผู้ป่วยสะสม 1,875 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 3 ราย

วันที่ 2 เมษายน 2563 เวลา11.38 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19 ) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์ประจำวันว่า มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 104 ราย รวมยอดผู้ป่วยสะสม 1,875 ราย  เสียชีวิตรายใหม่เพิ่ม 3 ราย รวมผู้เสียชีวิตรวม 15 ราย และรักษาหายแล้ว 505 ราย

สำหรับผู้เสียชีวิตรายที่ 1 คือ ชายอายุ 57 ปี เสียชีวิตบนรถไฟ มีประวัติเดินทางกลับจากปากีสถาน เมื่อวันที่ 29 มี.ค. เดินทางกลับสุไหงโกลก วันที่ 30 มี.ค.

รายที่ 2 ชายไทยอายุ 77 ปี มีโรคประจำตัว ถุงลมโป่งพอง สัมผัสผู้ป่วยก่อนหน้า เริ่มป่วยตั้งแต่วันที่ 158 มี.ค. รักษาที่ จ.ปัตตานี วันที่ 31 มี.ค.เสียชีวิต

รายที่ 3 ชายไทยอายุ 55 ปี ขับรถที่สุวรรณภูมิ ได้กลับสุรินทร์ วันที่ 15 มี.ค. พักที่บ้านตลอด เมื่อกลับมากทม. เริ่มมีไข้ ไอแห้งๆ ไม่มีน้ำมูก ป่วยวันที่ 18 มี.ค. ต่อมาอาการเหนื่อยมากขึ้น เข้ารับการรักษา และเข้า รพ.อีกครั้งวันที่ 29 มี.ค. เสียชีวิตวันที่ 1 เม.ย.

ส่วนผู้ติดเชื้อ กทม.แนวโน้มลดลง ขอบคุณชาว กทม. แต่จังหวัดอื่นๆ ยังมีอัตราที่เพิ่มขึ้น แนวโน้มกราฟยังทะแยงขึ้น ซึ่งนายกฯห่วงอัตราการเพิ่มขึ้นยังต้องหาสาเหตุ เป็นเหตุที่ต้องออกมาตรการของจังหวัดอย่างเข้มข้น อยู่ที่การร่วมมือของประชาชนว่าจะร่วมมือหรือไม่ ถ้าร่วมมืออัตราการติดเชื้อใหม่จะไม่สูงเกินร้อย

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ส่วนกลุ่มผู้ป่วยรายใหม่ 104 ราย กลุ่มแรกมีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยัน หรือเกี่ยวข้องกับสถานที่ที่พบผู้ป่วยยืนยัน 60 ราย กลุ่มที่ 2 ไม่ได้เกี่ยวกับผู้ป่วยก่อนหน้านี้ 36 ราย เป็นคนไทยที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ ชาวต่างประเทศที่เดินเข้าประเทศ ไปสถานที่แออัด สัมผัสกับคนต่างชาติ นายกฯ ให้ความสำคัญในกลุ่มที่ 2 เชื่อมโยงการเดินทางกลับจากต่างประเทศ หรือ สัมผัสกับชาวต่างประเทศ

การกระจายผู้ที่มาจากต่างประเทศ ยุโรปเป็นชาติหลักใหญ่ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น อเมริกัน ส่วนชาวไทยที่กลับจากต่างประเทศ ยุโรป กัมพูชา ญี่ปุ่น ปากีสถาน มาเลเซีย สหรัฐฯ นายกฯ มีมาตรการบอกให้กับ ศบค.ให้มีมติว่าจะต้องชะลอการเดินทางเข้ามาของคนต่างชาติรวมถึงคนไทย ตั้งแต่วันนี้ถึง 15 เม.ย. ยกเว้นกลุ่มคนที่ขออนุญาตกันไว้ก่อนแล้ว ขอให้คนที่มีความจำเป็นต้องกลับมาได้ติดต่อสถานทูตนั้นๆ และปฏิบัติตามคำแนะนำสถานทูตแต่ละแห่งให้มากที่สุด เพราะมีตัวอย่างเช่น เช่น คนที่กลับมาจากปากีสถาน คนไทยประชุมที่อิตาลี 6 คน ติดเชื้อ 4 คน quarantine 50 คน ไปทำศาสนกิจที่มาเลเซีย จำนวน 132 คน ติดเชื้อ 47 คน เสียชีวิต 4 คน quarantine 1,000 กว่าคน ศาสนกิจที่อินโดนีเซีย 56 คนติดเชื้อ 32 คน quarantine 500 กว่าคน ผู้เดินทางจากอังกฤษ ติดเชื้อ 4 คน เสียชีวิต 1 คน quarantine 200 กว่าคนผู้เสียชีวิตและผู้ติดเชื้อ ป่วยแต่ปกปิดอาการ ผู้เดินทางจากกัมพูชา เชื่อมโยงด่านปอยเปด ติดเชื้อ 19 คน quarantine 300 กว่าคน ดังนั้น เป็นภารกิจที่หนักมากของทุกคน ขณะนี้ ยังมีวิธีการรียูสหน้ากากสามารถใช้ได้อีก 3 ครั้ง เป็นข่าวดีที่จะต้องปรับตามสถานการณ์

นพ.ทวีศิลป์ ตอบคำถามผู้สื่อข่าวว่า ผู้เสียชีวิตรายที่กลับจากปากีสถานนั้น ต้องมีมาตรการ Fit to fly และผ่านการคัดกรองตามจุดต่างๆ ได้อย่างไรนั้น หลักการเดินทางต้องมีการขออนุญาตตั้งแต่ต้นทาง มีการกักตัว 14 วัน มีใบรับรองแพทย์ก่อนขึ้นเครื่อง และมีการตรวจอุณหภูมิบนเครื่องรวมถึงการคัดกรองที่สนามบิน ถ้ายอมรับในกติกา ต้องกักตัว 14 วัน แต่มีข้อหละหลวมหลายอย่าง เช่น ก่อนกลับมา กักตัว 14 วัน ยากที่จะมีคนดูแล หรือระหว่างทางก็กินยาลดไข้ ทำให้ไม่เจอไข้ พอมาถึงสนามบินก็มีการสแกน ทั้งที่มีไข้สามารถบอกได้ แต่ไม่ได้เป็นอย่างนั้นจึงมีมาตรการชะลอการเดินทางเข้ามา เพื่อลดความสูญเสีย ลดการเจ็บป่วย และลดการ quarantine

ส่วนนักเรียนแลกเปลี่ยน AFS จากสหรัฐฯ นั้น ทุกรายสถานทูตสามารถติดตามได้ทุกคน ปลัดกระทรวงการต่างประเทศติดตามได้ ถ้ามีมาตรการเช่นนี้เกิดขึ้นขอให้ผู้ปกครองติดต่อที่กระทรวงการต่างประเทศ และสามารถติดต่อสถานกงสุล สถานเอกอัครราชทูต อาจเดินทางช้าหน่อย ให้สบายใจจริงๆ ค่อยมา ถ้ามาก็จะถูก state quarantine แต่ต้องมาให้มากพอสมควร แต่อาจติดเชื้อบนเครื่องบิน ถ้าอยู่ในที่ตั้งถือว่าปลอดภัยที่สุด ทำอย่างที่ผู้นำบอกจะได้ผ่านพ้นตรงนี้ไปด้วยกัน

ส่วนเรื่อง เครื่องมือป้องกันให้บุคลากรทางการแพทย์นั้น นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ทางกระทรวงสาธารณสุขชี้แจงว่า ได้มีการวางแผนโดยตลอด ที่สำคัญคือเรื่องหน้ากาก N95 นายกฯ ให้คาดการณ์เลยว่าต้องใช้เท่าไหร่ โดยมีการตั้งไว้ว่าจะใช้ 60,000 ชิ้นต่อวันสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ แต่เมื่อทั่วโลกต้องการใช้ แต่ผู้ประกอบการผลิตก็มีจำนวนน้อยลง 3M ก็ไม่ได้ส่งให้ จีนบางส่วนส่งมาให้แล้ว ส่วนเรื่องที่เกี่ยวเนื่องคือยา ที่จะต้องรักษามีสต๊อก 5 หมื่นเม็ด สั่งจากญีปุ่น 4 หมื่นเม็ด รับมาแล้ว และจะมาจากจีนอีก 1 แสนเม็ด