เปิดตำรับยา-วัคซีน แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์โควิด

ภาพ fernando zhiminaicela/Pixabay

“วัคซีน” คือความหวังของมวลมนุษยชาติ ที่จะใช้ต่อกรกับเชื้อไวรัสโควิด -19

หลายประเทศในโลกกำลังง่วนกับการวิจัย – ศึกษา – คิดค้น ยาที่ใช้ต้านไวรัสมรณะ

“วัคซีน” กลายเป็น “สมบัติ” ล้ำค่าที่สุดในเวลานี้ แต่เมื่อไม่มี “วัคซีน” ที่ใช้สู้โควิดตรงๆ ณ ตอนนี้ สูตรที่ทางการแพทย์นำมารักษาผู้ติดเชื้อ จึงนำยาที่ใช้รักษาโรคอื่นมาประคองโรคโควิด – 19 ไปก่อน

“อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกรัฐมนตรี รมว.สาธารณสุข ในฐานะผู้ “กำกับภารกิจด้านสาธารณสุข” ในศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า (โควิด-19) หรือ ศบค. เชื่อว่า วันหนึ่งก็จะต้องมีวัคซีนป้องกันโรคโควิด วันนี้สิ่งที่เรากลัวตอนแรกวัคซีนก็ไม่มี ยาที่รักษาโดยตรงก็ไม่มี แต่เราพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าคนส่วนใหญ่รักษาโดยยาที่เชื่อถือได้ประคองอาการแล้วทำให้หายได้ ทำให้คนไม่ตายเยอะ คนรอดชีวิตเป็นส่วนใหญ่ เน้นแต่ดูคนที่มีสภาพร่างกายไม่แข็งแรง แต่วันหนึ่งเมื่อวัคซีนมาทุกคนก็จะปลอดภัย แล้วโรคนี้ก็จะหายไป

ข้อมูล ศบค.ล่าสุด (22 มี.ค.) ตัวเลขผู้ที่รักษาหายในไทย 2,352 คน คิดเป็น 82.23% จากผู้ติดเชื้อทั้งหมด 2,826 ราย ทำให้ช่องว่างระหว่างผู้ติดเชื้อกับผู้รักษาหาย อยู่ที่ 474 คน ต่างจากหลายประเทศในโลกที่ช่องว่างคนป่วย – คนหาย ช่องว่างห่างกันลิบลับ เช่น สหรัฐอเมริกายอดผู้ติดเชื้อ 826,240 คน หายแล้ว 75,519 คน ช่องว่างมากถึง 7 แสนคน หรือ บ้านใกล้เรือนเคียง สิงคโปร์ มียอดผู้ติดเชื้อ 10,141 ราย หายแค่ 839 คน

@ ยารักษา 4 สูตร

บรรดาแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ที่ไทยประสบความสำเร็จใช้ต้านโควิด – 19 มาจากตัวยา 4 สูตร จากการเปิดเผยของ “นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์” อธิบดีกรมการแพทย์ ที่กระทรวงสาธารณสุขใช้ในการรักษา

สูตรที่ 1 สูตรยาต้านไวรัส HIV ร่วมกับยาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่
สูตรที่ 2 สูตรยาต้านไวรัส HIV ร่วมกับยาต้านไวรัส “ฟาวิพิราเวียร์”
สูตรที่ 3 สูตรยาต้านไวรัส HIV ร่วมกับยาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่ และยาควอโรควิน
สูตรที่ 4 สูตรยาต้านไวรัส HIV ร่วมกับยาต้านไวรัส “ฟาวิพิราเวียร์” และยาควอโรคริน

@ ผลิต “ฟาวิพิราเวียร์” ใช้เอง

กระทั่งช่วงต้นเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา องค์การเภสัชกรรม (อภ.) เตรียมผลิต “ฟาวิพิราเวียร์” ใช้ในประเทศไทย โดย “นพ.วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์” ผู้อำนวยการ อภ.ได้ทำสัญญานำเข้าวัตถุดิบเพื่อผลิตยา “ฟาวิพิราเวียร์” กับประเทศจีน เพื่อการรักษาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) แล้ว

ขณะนี้อยู่ระหว่างรอวัตถุดิบเข้ามาเพื่อทำการทดสอบการคงตัว ทดสอบการแตกตัว ทดสอบการดูดซึม 3 รอบ หากมีประสิทธิภาพก็จะต้องส่งให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ตรวจสอบเรื่องคุณภาพมาตรฐาน และหากผ่านก็เดินหน้าผลิตยาดังกล่าวในประเทศไทยได้โดยไม่ต้องติดตั้งเครื่องหรือสายพานการผลิตใหม่

“กว่าจะเดินสายการผลิตได้คงต้องใช้เวลาเป็นปี เหมือนที่เราเคยทำซีแอลยาเอดส์ ก็ใช้เวลาเป็นปีเช่นกัน แต่ก็ไม่ถือว่าช้าเกินไป เพราะโรคโควิด-19 ยังต้องอยู่กับเราไปอีกระยะ ระหว่างนี้ก็ต้องพยายามเจรจานำเข้ายาฟาวิพิราเวียร์ จากต่างประเทศเพื่อให้มียาเพียงพอที่จะรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ในไทย ซึ่งถ้าจะให้มั่นใจต้องมีในสต๊อกอย่างน้อย 1 ล้านเม็ด แต่ตอนนี้ที่มีอยู่ประมาณ 200,000 เม็ด และวันนี้ก็จะมีการเจรจากับทางญี่ปุ่นเพื่อขอซื้อเพิ่ม ยังไม่รู้ว่าจะได้เท่าไหร่ แต่ก็จะพยายามต่อรองให้ได้มากที่สุด” นพ.วิฑูรย์ กล่าว

@ ฟ้าทะลายโจร ทำลายโควิด-19 ได้

นอกจาก ยา 4 สูตร ที่เป็นความหวัง “ยับยั้ง” โควิด -19 “นพ.ปราโมทย์ เสถียรรัตน์” รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ยังเสนอให้ใช้ยาสมุนไพรไทย “ฟ้าทะลายโจร” มีสรรพคุณยับยั้งเชื้อไวรัสได้

ในการแถลงข่าวที่ศูนย์ปฏิบัติการด้านข่าวโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า ของกระทรวงสาธารณสุข “นพ.โปรโมทย์” กล่าวว่า ฟ้าทะลายโจรมีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อและยับยั้งการแบ่งตัวของไวรัสได้ แต่ไม่มีฤทธิ์ในการป้องกันเซลล์จากการติดเชื้อ จึงไม่แนะนำให้รับประทานเพื่อการป้องกันโรค โดยที่ยังไม่มีอาการ เพราะไม่มีผลในการป้องกัน แต่ให้รับประทานทันทีเมื่อเริ่มมีอาการคล้ายอาการของโรคไข้หวัดใหญ่ ได้แก่ มีไข้ ไอ เจ็บคอ อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ซึ่งอาจเกิดจากการติดเชื้อไวรัสที่ก่อโรคไข้หวัดใหญ่ หรือไวรัสก่อโรคทางเดินหายใจอื่น

ด้านความคืบหน้าการทดลองในคน กรมการแพทย์แผนไทยฯ ร่วมกับสถาบันบำราศนราดูร กรมควบคุมโรค คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ และองค์การเภสัชกรรม ศึกษานำร่องผลของยาสารสกัดฟ้าทะลายโจรในผู้ป่วยโรคโควิด-19 ระดับความรุนแรงน้อย ในระหว่างเดือน เม.ย.- ก.ค.นี้

ขณะที่ “ดร.สุภาพร ภูมิอมร” ผู้อำนวยการสถาบันชีววัตถุ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เสนอผลการศึกษาว่า การศึกษาศึกษาฤทธิ์ต้าน COVID-19 ของสมุนไพรฟ้าทะลายโจรในหลอดทดลอง โดยทำการศึกษาจากสารสกัดหยาบเทียบกับแอนโดรกราโฟไลด์ (Andrographolide) ที่เป็นสารสำคัญ พบว่า สามารถทำลายไวรัสโดยตรง และต้านไม่ให้ไวรัสเพิ่มจำนวนเซลล์ได้ แต่ไม่มีฤทธิ์ในการชักนำให้เซลล์หลั่งสารที่ช่วยยับยั้งไวรัส จึงไม่แนะนำให้รับประทานเพื่อการป้องกันโรค และจำเป็นต้องทำการศึกษาวิจัยในคนก่อน

@ พลาสมาผลิตเซรุ่ม

อีกวิธีหนึ่งที่มีการพูดถึงคือ การนำพลาสมา ของคนที่หายป่วยจากโรค โควิด-19 นำมารักษาผู้ที่ยังติดเชื้ออยู่ ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุข ได้จับมือกับ “โรงเรียนแพทย์” ตั้งทีมวิจัยการสกัดพลาสมาจากเลือดผู้ป่วยที่หายแล้วมาวิจัยเพื่อหาวิธีการรักษาผู้ป่วยรายอื่น

“นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์” อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ตามหลักการของโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสอื่น (ที่ไม่ใช้โควิด-19) เมื่อผู้ป่วยที่หายดีแล้วจะมีภูมิคุ้มกันในร่างกาย เมื่อนำมาสกัดพลาสมาจะใช้รักษาโรคได้ แต่ในกรณีของโควิด-19 เป็นโรคใหม่ ทำให้ยังไม่มีองค์ความรู้ทั้งหมด ทางสาธารณสุข จึงต้องขอบริจาคเลือดจากผู้ป่วยที่หายแล้วในช่วงเวลา 15-30 วัน เพื่อนำมาศึกษาวิจัยภูมิต้านทานว่ามีอยู่จริงหรือไม่

@ ซุ่มผลิตวัคซีน

อีกด้านหนึ่ง ไทยก็ไม่ต่างกับหลายประเทศในโลกกำลังง่วนกับการวิจัย – ศึกษา – คิดค้น ยาที่ใช้ต้านไวรัสมรณะ

“นพ.นคร เปรมศรี” ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ กล่าวว่าขณะนี้ทีมวัคซีนไทย กำลังดำเนินการคิดค้นวัคซีนโควิด-19 ซึ่งการพัฒนาวัคซีนประเทศไทยได้มีการดำเนินการตามทางเลือกที่ 1 และ 2 โดยทางเลือกที่ 1 นั้น คือการผลิตวัคซีนขึ้นเอง ตอนนี้คณะแพทย์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้ร่วมกับทางบริษัท ไบโอเนท เอเชีย ได้มีการผลิตวัคซีน และทำการทดลองในลิงหรือหนูแล้ว

@ วัคซีน 3 ราย ทดลองในคน

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า World Health Organization (WHO) หรือองค์การอนามัยโลก ระบุว่า ตอนนี้มีกว่า 70 รายการทั่วโลก ที่กำลังซุ่มพัฒนาวัคซีน มีการทดลองในมนุษย์แล้ว 3 รายการ

3 รายที่ทดลองในคนแล้วคือ CanSino Biologics ของจีน ซึ่งพัฒนาขึ้นร่วมกับสถาบันไบโอเทคโนโลยีแห่งปักกิ่ง วัคซีนจากบริษัท Moderna ของสหรัฐ และวัคซีนของบริษัท Inovio Pharmaceuticals ของสหรัฐ

@ ทรัมป์ กว้านซื้อลิขสิทธิ์วัคซีน

อย่างไรก็ตาม เมื่อ “วัคซีน” กลายเป็น “สมบัติ” ล้ำค่าที่สุด ในช่วงกลางเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา จึงมีข่าวจากฝั่งเยอรมนี อันเป็นเมืองชั้นนำด้านอุตสาหกรรมยาและเทคโนโลยีชีวภาพ โดย “ไฮโก มาสส์” รมว.ต่างประเทศ ของเยอรมนีให้สัมภาษณ์กับกลุ่มสื่อท้องถิ่น “ฟุงเคอ” (Funke) ว่า รัฐบาลจะไม่ยอมให้ชาติอื่นมาคว้าผลงานวิจัยนี้ไปได้ โดยจะไม่มีทางขายสิทธิในการวิจัยวัคซีนต้านโรคโควิด-19

ในเวลาเดียวกันมีข่าวจาก Die Welt รายงานอ้างแหล่งข่าวในรัฐบาลเยอรมนีว่า “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เสนอเงินจำนวนมหาศาล” ให้กับบริษัท CureVac เพื่อการเข้าถึงสิทธิ์การใช้ไวรัสแต่เพียงผู้เดียว

ทั้งนี้ บริษัท “CureVac” มี “ดีทมาร์ ฮอปป์” เจ้าของสโมสรฟุตบอลฮอฟเฟนไฮม์ ในศึกบุนเดสลีกาเยอรมัน ถือหุ้นใหญ่ โดย “ฮอปป์” ออกมาบอกว่า จะไม่มีทางขายให้ “ทรัมป์” เด็ดขาด ถ้าเราผลิตวัคซีนได้สำเร็จ มันจะถูกนำไปใช้กับคนทั้งโลก ไม่ใช่แค่กับที่ใดที่หนึ่ง

ช่วงปลายเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ก็ลงนามในกฎหมายมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ อนุมัติงบพิเศษ 2 ล้านล้านดอลลาร์ หรือราว 65 ล้านล้านบาท มากที่สุดเท่าในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ ช่วยเหลือภาคธุรกิจ คนตกงานและจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์และความช่วยเหลืออื่น ๆ ในการสู้กับวิกฤตการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ หนึ่งในนั้นคือการกว้านซื้อลิขสิทธิ์วัคซีน -19 มาครอบครอง