จับตาเวทีรมต.การค้า เอเปค “จุรินทร์” กุมบังเหียน ถกอภิมหาอำนาจ จีน-รัสเซีย-สหรัฐ ลุยวาระสำคัญ FTAAP ขับเคลื่อนเศรษฐกิจสมาชิก ปี 2565 โต 4.2%
วันที่ 21 พฤษภาคม 2565 ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่า เมื่อเวลา 9.30 น.นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปค (Ministers Responsible for Trade Meeting: MRT) ซึ่งเป็นจัดการประชุมขึ้นรูปแบบปกติอีกครั้งหนึ่ง
- เปิดคำทำนาย “นางมโหธรเทวี” นางสงกรานต์ ปี 2567 ฝนตกในโลกมนุษย์ 30 ห่า
- ไขปม Taobao Thailand เป็นใคร ทำอะไร
- สรุปวิธีใช้เงินดิจิทัล และเงินสด 10,000 บาท ใครขึ้นเงินสดได้บ้าง
หลังจากที่เอเปคมีความจำเป็นต้องจัดการประชุมผ่านระบบออนไลน์ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยเป็นที่น่าสังเกตว่าปีนี้มีรัฐมนตรีการค้าจากประเทศผู้นำทางเศรษฐกิจขนาดใหญ่ทั้ง จีน รัสเซียและสหรัฐ เข้าร่วมด้วย
ในการประชุมรัฐมนตรีการค้าครั้งนี้ รัฐมนตรีการค้าจะร่วมหารือเพื่อกำหนดแนวทางขับเคลื่อนการดำเนินการเอเปคให้มีความคืบหน้าต่อไป โดยเฉพาะวาระการดำเนินการสำคัญ คือ FTAAP รวมทั้งการส่งเสริมการค้าในระบบพหุภาคีและการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการเติบโตในสถานการณ์ โควิด-19 และอนาคต
โดยได้มีการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของเอเปคในภาพรวมจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในระดับปานกลาง GDP ของเอเปค ขยายตัวร้อยละ 5.9 ในปี 2564 และจะขยายตัวต่อเนื่องในอัตราร้อยละ 4.2 ในปี 2565 และน่าจะขยายตัวร้อยละ 3.8 ในปี 2566
ประเทศไทยในฐานะเจ้าภาพได้กำหนดธีมหลักในการประชุมเอเปคในปีนี้ คือ “Open. Connect. Balance” ซึ่ง OPEN คือการเปิดกว้างไปสู่ทุกโอกาสด้านการค้าการลงทุน และการส่งเสริมการรวมตัวทางเศรษฐกิจและการขับเคลื่อนการจัดทำ FTAAP ผ่านมุมมองใหม่ที่เรียนรู้จากสถานการณ์โควิด-19 เพื่อสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้ทุกภาคส่วนในสังคม ส่วน CONNECT คือการเชื่อมโยงในทุกมิติโดยเฉพาะการฟื้นฟูการเดินทางระหว่างกันที่สะดวกและปลอดภัย
รวมทั้งความเชื่อมโยงทางดิจิทัลและห่วงโซ่อุปทานในภูมิภาค และสุดท้าย BALANCE คือการสร้างสมดุลของการเจริญเติบโตและการพัฒนาอย่างรอบด้าน ผ่านการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ โดยประเด็นสำคัญคือการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและสร้างความมั่นคงทางอาหาร การเกษตร เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน
ทั้งนี้ ประเทศไทยได้นำโมเดลเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียนและเศรษฐกิจสีเขียวหรือที่เรียก BCG Model (Bio-Circular-Green Economy) มาเป็นแนวทาง หรือแนวคิดหลักในการขับเคลื่อน SMEs และ Micro SMEs ของทุกเขตเศรษฐกิจ ทั้ง 21 เขตเศรษฐกิจ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพถือว่าประเด็นนี้เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่มีความสำคัญ
นอกจากนี้ ในปีที่ผ่านมาเอเปคยังได้มีการรับรองวิสัยทัศน์ปุตราจายา ปี 2040 และแผน “เอาทีอารอ” ที่ได้กำหนดวิสัยทัศน์และแนวทางการดำเนินให้กับเอเปค เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ผ่านการสนับสนุนระบบการค้าแบบพหุภาคีและการพัฒนาการค้าดิจิทัลและอีคอมเมิร์ซ การส่งเสริมและฟื้นฟูเศรษฐกิจการสร้างความเชื่อมโยงในทุกมิติ
ทั้งคนสินค้าและบริการรวมทั้งระบบการขนส่งการเดินทางของประชาชนและกฎระเบียบ การส่งเสริมให้วิสาหกิจเข้าไปมีส่วนร่วมในห่วงโซ่อุปทานโลก และการตอบสนองวิกฤตในอนาคตได้อย่างรวดเร็ว เพื่อที่จะนำไปสู่การเติบโตที่ครอบคลุมทั่วถึงและยั่งยืนของภูมิภาคเอเปค
“ไทยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าผลของการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปคในปีนี้จะมีส่วนสำคัญในการช่วยกำหนดทิศทางเชิงนโยบายในการฟื้นฟูและกระตุ้นการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคในด้านต่างๆภายหลังยุคโควิด-19 และเตรียมรับมือกับวิกฤตที่คล้ายคลึงกันในอนาคตได้เป็นอย่างดี ขับเคลื่อนการดำเนินการของเอเปคให้มีความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป”