บทบรรณาธิการ
ทริปเดินทางเยือนราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะผู้นำรัฐบาลไทยคนแรกในรอบ 30 กว่าปี น่าจะเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- NETA X ขาย มิ.ย.นี้ ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท หลัง MOU สรรพสามิต
- KBANK ปรับโครงสร้างใหญ่ ลดจำนวนบอร์ด ตั้ง 4 เอ็มดีเป็น “ผู้จัดการใหญ่” มีผล 1 พ.ค.67
หลังจากรัฐบาลหลายชุดพยายามสะสางปัญหาอันยุ่งเหยิงที่ฝ่ายไทยทำไว้กับซาอุดีอาระเบีย จนส่งผลต่อความสัมพันธ์ทางการทูตที่ถูกลดระดับ และตลาดแรงงานที่ไทยเคยเป็นเบอร์ต้น ๆ ของซาอุฯ ดิ่งลงอย่างรุนแรง จาก 2-3 แสนคน ลดลงเหลือหลักหมื่น ทั้งที่ช่วง 30 ปีมานี้แรงงานต่างชาติในซาอุฯยังคงสูงมาก และปัจจุบันอยู่ที่ราว 10 ล้านคน
คดีเพชรซาอุฯ เริ่มจากคนงานไทยขโมยมาจากวัง บานปลายด้วยการฉ้อฉลของตำรวจไทย นำของปลอมไปคืนเขาและคืนไม่ครบ เป็นเรื่องน่าอับอายมาตั้งแต่ปี 2532
ช่วงเวลาเดียวกันนั้น ยังเกิดเหตุซ้ำเติมจากคดีเจ้าหน้าที่ทูตซาอุฯ รวม 4 รายถูกลอบสังหารในกรุงเทพฯ ต่อเนื่องด้วยคดีร้ายแรงเมื่อ โมฮัมหมัด อัลรูไวลี นักธุรกิจเชื้อสายราชวงศ์ถูกอุ้มฆ่าในปี 2533 แนวทางสอบสวนระบุว่าสิ้นใจขณะถูกเจ้าหน้าที่รีดเค้นข้อมูล คดีนี้ลากยาวจนถึงศาลฎีกาในปี 2562 ซึ่งผลลงเอยไม่ได้เป็นไปตามที่ครอบครัวอัลรูไวลีคาดหวังไว้
อย่างไรก็ตาม ความต้องการฟื้นฟูความสัมพันธ์ของ 2 ประเทศมาบรรจบกันด้วยสถานการณ์ที่เอื้อจากทั้ง 2 ฝ่าย นับจากมกุฎราชกุมารมุฮัมหมัด บิน ซัลมาน ขึ้นมามีบทบาทบริหารราชอาณาจักรตั้งแต่ปี 2558 ด้วย “วิสัยทัศน์ 2030” ที่มุ่งให้ซาอุฯก้าวสู่การสร้างอุตสาหกรรมใหม่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับน้ำมัน ดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของ 2 ประเทศพบปะเป็นระยะตั้งแต่ปี 2559 และชัดเจนขึ้นต้นปี 2563 เมื่อ รมว.การต่างประเทศของไทยได้รับเชิญไปเยือนกรุงริยาด
ก่อนหน้าผู้นำไทยไปเยือนริยาดไม่นาน มกุฎราชกุมารมุฮัมหมัดทรงต้อนรับนายบัน คีมุน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ชาติใหญ่ของเอเชีย เมื่อวันที่ 18 ม.ค. เพื่อกระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือซึ่งอาจปูทางสู่การสร้างเศรษฐกิจพลังงานไฮโดรเจนระดับโลก
ตอกย้ำถึงแผนสร้างเศรษฐกิจใหม่และหันไปกระชับสัมพันธ์กับชาติเอเชียมากขึ้น หลังซาอุฯเผชิญแรงกดดันหนักจากพันธมิตรตะวันตก นับจากเกิดคดีนายจามาล คาช็อกกี นักข่าวอิสระชาวซาอุฯ ถูกสังหารในสถานกงสุลซาอุฯที่ตุรกี เมื่อปี 2561
ด้วยปัจจัยที่เอื้อต่อการ “คืนดี” ดังกล่าวนี้ ไทยจึงมีความหวังที่จะฟื้นการส่งออกแรงงานกับซาอุดีอาระเบีย กลับไปปกติอีกครั้ง และไม่ต้องลักลอบเข้าไป
ขณะที่ชาวซาอุฯยังมีภาพดี ๆ เกี่ยวกับแรงงานไทยซึ่งอาจช่วยบรรเทาบรรดาคดีด้านมืดในประวัติศาสตร์ลงได้บ้าง แม้จะไม่ลืมก็ตาม
