ปรับมาตรการนำเข้าแรงงานต่างด้าว ยกเลิกกักตัว มีผล 1 มิ.ย. 2565

แรงงานต่างด้าว

ปรับมาตรการนำเข้าแรงงานต่างด้าวที่ทำงานตาม MOU รวมถึงแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานแบบไป-กลับ ยกเลิกกักตัวทุกรูปแบบ หลัง ศบค. เปิดประเทศเต็มรูปแบบ มีผล 1 มิ.ย. 2565 เป็นต้นไป

วันที่ 3 มิถุนายน 2565 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน มีมติเห็นชอบปรับมาตรการเดินทางเข้าประเทศอีกครั้ง ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2565 เป็นต้นไป โดยยกเลิกการกักตัวทุกรูปแบบ เพื่อรองรับการเปิดประเทศ และการฟื้นฟูเศรษฐกิจ

กระทรวงแรงงานจะเปิดให้แรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติ (กัมพูชา, เมียนมา และลาว) ทั้งที่เข้ามาทำงานตามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านแรงงาน (MOU) ทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ รวมถึงแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานแบบไป-กลับ หรือตามฤดูกาล (มาตรา 64) สามารถเข้ามาทำงานในประเทศไทยโดยไม่ต้องกักตัว ตามแนวทางของ ศบค.

แต่ก่อนที่แรงงานจะเดินทางเข้ามาในประเทศไทย นายจ้างจะต้องซื้อประกันสุขภาพให้แรงงานต่างด้าว และหลังเดินทางเข้ามาจะต้องตรวจสุขภาพ 6 โรคตามกฎกระทรวงกำหนดคุณสมบัติและโรคต้องห้าม รวมทั้งตรวจ ATK หากไม่พบเชื้อโควิด-19 ให้ดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อรับใบอนุญาตทำงาน จากนั้นนายจ้างสามารถรับเข้าทำงานในสถานประกอบการได้เลย

หากพบเชื้อโควิด-19 กรณีเป็นกลุ่มสีเขียวให้กักตัวที่สถานกักตัวแบบ Organization Quarantine: OQ (สถานกักกันโรคของหน่วยงาน) กรณีเป็นกลุ่มสีเหลืองหรือสีแดง ให้กรมธรรม์ประกันภัยเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการตรวจหรือรักษาพยาบาล ในส่วนที่สิทธิดังกล่าวยังไม่ครอบคลุม นายจ้างจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย

นายสุชาติกล่าวว่า การปรับมาตรการของ ศบค.ในครั้งนี้ จะช่วยแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงาน และลดปัจจัยที่ทำให้เกิดการลักลอบเข้าเมืองเพื่อทำงานอย่างผิดกฎหมาย เพราะการนำเข้าแรงงาน 3 สัญชาติอย่างถูกกฎหมายในปัจจุบันไม่ได้มีความยุ่งยากเหมือนช่วงก่อนผ่อนคลายมาตรการ

“ล่าสุดมีการยื่นดีมานต์ขออนุญาตจ้างคนต่างด้าวตามระบบ MOU แล้ว 236,012 คน แบ่งเป็นนายจ้างที่มีความต้องการจ้างแรงงานสัญชาติเมียนมา 165,376 คน กัมพูชา 52,428 คน และลาว 18,208 คน ซึ่งแรงงานทั้ง 3 สัญชาติมีการทยอยเข้ามาทำงานตาม MOU แล้วอย่างต่อเนื่องกว่า 1 หมื่นคน ในส่วนแรงงานต่างด้าว ตามมาตรา 64 (ทำงานแบบไป-กลับ) มีการเดินทางเข้ามาทำงานและขออนุญาตทำงานแล้วกว่า 2 หมื่นราย”

ด้านนายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทางการปรับมาตรการการนำแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานตาม MOU และการปรับลดมาตรการการนำแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานตามมาตรา 64 ดังนี้

1.การนำแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานตามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านแรงงาน (MOU)

– มาตรการก่อนเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร

1). ให้แรงงานแสดงเอกสารหลักฐานที่ยืนยันหรือแสดงว่ามีนายจ้างหรือผู้รับอนุญาตให้นำคนต่างด้าวเข้ามาทำงานในราชอาณาจักร ซึ่งได้รับการรับรองโดยกระทรวงแรงงาน เป็นผู้รับแรงงานเข้ามาทำงานในราชอาณาจักร (name list)

2) หลักฐานการได้รับวัคซีนโควิด-19

3) กรมธรรม์ที่คุ้มครองการรักษาโรคโควิด-19 ครอบคลุมความคุ้มครอง ในวงเงินไม่น้อยกว่า 4,000 ดอลลาร์สหรัฐ

4) นายจ้างแจ้งวัน-เวลาเดินทางและสิ้นสุดการจ้างล่วงหน้าที่ศูนย์แรกรับเข้าทำงาน

– มาตรการเมื่อเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร โดยสามารถเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรได้ 3 ช่องทาง ประกอบด้วย ทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ

หากรับวัคซีนโควิด-19 ครบโดส หรือฉีดวัคซีนไม่ครบแต่มีผลตรวจ RT-PCR หรือ Antigen Test Kit (ATK) โดยผู้เชี่ยวชาญหรือบุคลากรทางการแพทย์ (professional use) ใน 72 ชั่วโมงก่อนเดินทาง หากผลเป็นลบ จะสามารถตรวจลงตราอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นระยะเวลา 2 ปี

ตรวจสุขภาพ 6 โรค ตรวจหาเชื้อโควิด-19 โดยใช้ชุดตรวจ Antigen Test Kit (ATK) หากไม่พบเป็นโรคต้องห้าม 6 โรค และไม่พบเชื้อโควิด-19 แรงงาน 3 สัญชาติจะเข้ารับการอบรม ณ ศูนย์แรกรับฯ รับใบอนุญาตทำงานจากสำนักงานจัดหางานจังหวัด และเข้าทำงานในสถานประกอบการได้เลย

กรณีพบเชื้อโควิด-19 ถ้าไม่มีอาการ หรือเป็นผู้ป่วยกลุ่มสีเขียวให้กักตัวที่สถานกักตัวแบบ Organization Quarantine: OQ (สถานกักกันโรคของหน่วยงาน) หากมีอาการหรือเป็นผู้ป่วยกลุ่มสีเหลืองหรือสีแดง ให้กรมธรรม์ประกันภัยเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการตรวจหรือรักษา หากมีส่วนที่สิทธิดังกล่าวยังไม่ครอบคลุมนายจ้างจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย

จากนั้นเมื่อตรวจไม่พบเชื้อแล้ว ให้ดำเนินการตามขั้นตอนเดียวกับแรงงานข้ามชาติที่ไม่พบเชื้อ เพื่อรับใบอนุญาตทำงานและเข้าทำงานในสถานประกอบการต่อไป

กรณีแรงงานข้ามชาติที่ยังฉีดวัคซีนโควิด-19 ไม่ครบโดส จะต้องตรวจหาเชื้อโควิด-19 โดยใช้ชุดตรวจ Antigen Test Kit (ATK) ซึ่งดำเนินการโดยผู้เชี่ยวชาญหรือบุคลากรทางการแพทย์ (professional use) หรือตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด จากนั้นดำเนินการเช่นเดียวกับกลุ่มแรงงานข้ามชาติที่ได้รับวัคซีนครบโดส

ทั้งนี้ การตรวจหาเชื้อโรคโควิด-19 ให้นายจ้างเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย กรณีที่ตรวจพบเชื้อให้กรมธรรม์ประกันภัยเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการตรวจหรือรักษาพยาบาลซึ่งในส่วนที่สิทธิดังกล่าวยังไม่ครอบคลุม นายจ้างต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด

2. การนำแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานตามมาตรา 64 (ทำงานแบบไป-กลับ)

– มาตรการก่อนเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร

1) นายจ้างยื่นแบบแจ้งบัญชีรายชื่อแรงงานต่างด้าว (ม.64) ณ สำนักงานจัดหางานจังหวัด

2) แสดงหนังสือผ่านแดน (border pass)

3) หลักฐานการได้รับวัคซีนโควิด-19

4.) กรมธรรม์ที่คุ้มครองการรักษาโรคโควิด -19 หรือหลักประกันอื่น

– มาตรการเมื่อเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร

แรงงานต่างด้าวสามารถเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรได้ 9 จังหวัด ได้แก่ จ.เชียงราย จ.ตาก จ.กาญจนบุรี จ.ระนอง จ.จันทบุรี จ.สระแก้ว จ.ตราด จ.สุรินทร์ และ จ.ศรีสะเกษ

เมื่อเดินทางข้ามแดนเข้ามาจะผ่านด่านควบคุมโรคติดต่อ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะตรวจเอกสารรับรองการฉีดวัคซีน ซักประวัติสุขภาพแรงงานต่างด้าว โดยการคัดกรองอาการทางเดินหายใจและวัดไข

กรณีแรงงานต่างด้าวที่ได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว หรือฉีดวัคซีนไม่ครบแต่มีผลตรวจ RT-PCR หรือ Antigen Test Kit (ATK) ซึ่งดำเนินการโดยผู้เชี่ยวชาญหรือบุคลากรทางการแพทย์ (professional use) ใน 72 ชั่วโมงก่อนเดินทาง ให้ทำการตรวจหาเชื้อโควิด-19 โดยใช้ชุดตรวจ Antigen Test Kit (ATK)

กรณีฉีดวัคซีนไม่ครบโดส ให้ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี Antigen Test Kit (ATK) ซึ่งดำเนินการโดยผู้เชี่ยวชาญหรือบุคลากรทางการแพทย์ (professional use) หรือตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด และตรวจโรคห้าม 6 โรค

กรณีไม่พบเชื้อโควิด-19 และไม่พบโรคห้าม 6 โรค เจ้าหน้าที่จะตรวจลงตราอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร 30 วันต่อครั้ง และออกใบอนุญาตทำงาน 3 เดือน และสามารถเข้าทำงานในสถานประกอบการได้ กรณีพบเชื้อโควิด-19 ถ้าไม่มีอาการหรือกลุ่มสีเขียวให้กักตัวที่สถานกักตัวแบบ OQ


หากมีอาการกลุ่มสีเหลืองหรือกลุ่มสีแดง ให้กรมธรรม์ประกันภัยเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการตรวจหรือรักษา หากมีส่วนที่สิทธิดังกล่าวยังไม่ครอบคลุมนายจ้างจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย จากนั้นเมื่อตรวจไม่พบเชื้อแล้ว ให้ดำเนินการตามขั้นตอนเดียวกับแรงงานข้ามชาติที่ไม่พบเชื้อ เพื่อรับใบอนุญาตทำงานและเข้าทำงานในสถานประกอบการต่อไป