
ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว แบรนด์ก๋วยเตี๋ยวรถเข็นเจ้าแรกของไทย กับกลยุทธ์ใหม่ “ครัวของทุกบ้าน อาหารของทุกคน หนึ่งในใจทุกเวลา” หลังประกาศโฉมใหม่ ชายสี่ คอร์ปอเรชั่น พร้อมแล้วที่จะเป็นเจ้าแห่งสตรีตฟู้ดในประเทศ ด้วยการพัฒนาศักยภาพของทรัพยากรบุคคลให้พร้อมลงเล่นในตลาดทุน
วิสัณห์ ศิริกุล รองประธานเจ้าหน้าที่สายงานบุคคลและธุรการ บริษัทชายสี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด บอกเล่ากับ “ประชาชาติธุรกิจ” ถึงมุมของฝ่ายทรัพยากรบุคคลว่า หลายคนอาจจะได้ยินเรื่องที่ชายสี่อยากจะ IPO เข้าตลาดฯ ในภาพของ HR มองว่าต้องมีการเตรียมความพร้อมให้กับองค์กรในการลงเล่นเกมที่มีบริษัทอื่น ๆ เป็นเจ้าตลาดอยู่ในเซ็กเตอร์ต่าง ๆ
ในวันที่จะแข่งในเกมเดียวกัน ต้องมีคนที่มีประสิทธิภาพ และมีความสามารถเท่าเทียม องค์กรเองก็ต้องมีการปรับตัวในการทำให้คนที่มีความสามารถรู้สึกว่าอยากอยู่กับบริษัท ทำให้คนสายเลือดใหม่เป็นคนรุ่นใหม่ สามารถถูกพัฒนาให้มีศักยภาพทัดเทียมกับผู้เล่นที่อยู่ในบริษัทใหญ่ ๆ
การพัฒนาทรัพยากรบุคคลในการที่จะ IPO มีเป้าหมายคือการทำให้นักลงทุน ทำให้ตลาดเห็นถึงศักยภาพของชายสี่คอร์ปที่ยังมีอีกมาก ด้วยทีมงานที่มีอยู่ในปัจจุบันทำให้สามารถทำได้มากกว่าที่คนอื่นคาดคิด
“เพื่อเป็นการบอกให้กับ Future Investors ในอนาคตว่าชายสี่เป็นองค์กรหนึ่งที่ยังอยู่ใน Dynamic ที่สร้าง S-Curve ได้ไม่ต่างกับ Unicorn ในวันที่เรามีความพร้อมและถึงเป้าหมายขั้นต้นด้วยการที่ได้รับการเข้าร่วมสนับสนุน ในวันที่เรา IPO แล้วเราอาจจะสร้างสิ่งใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิมในตลาดอาหารของประเทศไทยก็ได้” วิสัณห์กล่าวย้ำ
ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว สู่ชายสี่คอร์ป
สำหรับบริษัทที่มีอายุมากกว่า 30 ปี มีการปรับตัวมาอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว แต่ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาอาจเห็นได้ชัดว่าชายสี่มีการปรับตัวและปรับรูปลักษณ์ให้ดูทันสมัยขึ้น การก้าวผ่านมาสู่ยุคชายสี่คอร์ป เรียกได้ว่าเป็นการปรับตัวครั้งใหญ่ เช่น เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ชายสี่ได้เริ่มสเต็ปเข้าไปอยู่ในธุรกิจที่เป็น Food Retail Business ในกลุ่มที่เป็นร้านอาหาร
ตั้งแต่เริ่มต้น ชายสี่บะหมี่เกี๊ยวเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของการสร้างอาชีพให้ผู้คน แต่ความมุ่งมั่นยังไม่จบเพียงเท่านั้น เพราะนอกจากชายสี่จะเป็นเจ้าแห่งเส้นแล้ว ยังมุ่งมั่นที่จะเป็นเจ้าแห่งสตรีตฟู้ดด้วย จากแบรนด์ที่หลาย ๆ คนคุ้นเคย
อย่างชายสี่บะหมี่เกี๊ยวตอนนี้ก็ได้ต่อยอดเป็นชายสี่ Plus ที่มีความพรีเมี่ยมขึ้น ใช้วัตถุดิบที่เข้าถึงคนในเมืองได้ง่ายมากขึ้น รวมไปถึงการพัฒนาร้านร่วมกับแบรนด์อื่น ๆ อย่าง ก๋วยเตี๋ยวเรือเสือร้องไห้, Brix Dessert Bar, หมูสองชั้น ซึ่งคาดจะเป็นส่วนที่เข้ามาสนับสนุนในการ IPO ต่อไปในอนาคตได้อย่างครบทุกเซ็กเมนต์
นี่ถือเป็นก้าวใหม่ของชายสี่คอร์ป และยังมีการดึงดูดคนรุ่นใหม่ให้เข้ามาร่วมงานด้วยกัน แม้ว่าโดยส่วนใหญ่ชายสี่จะไม่ได้สร้างอะไรใหม่มากมาย แต่ในส่วนของตลาด Consumer มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด ตลาดของแรงงานจึงต้องเปลี่ยนตามเป็นเรื่องปกติ
“เราก็ต้องยอมรับว่าเมื่อ 10 ปีก่อนมันก็มีคนคุยเรื่องว่าการทำงานกับ Gen Y จะทำยังไง ในทุกวันนี้สำหรับ Gen Z หรือ Millennial ที่เขาจะกลายเป็นทั้งลูกค้า กลายเป็นทั้งพนักงาน วันนี้จริง ๆ ด้วย Behavior ของเขา สิ่งที่เขามองหาจาก Corporate คืออะไร แล้วสิ่งที่ชายสี่สามารถ Offer ได้คืออะไร” วิสัณห์ตั้งคำถาม
วัฒนธรรมองค์กรของชายสี่คอร์ป
วิสัณห์บอกเล่าถึงเรื่องของ Culture ชายสี่ต่อว่า บริษัทมี Culture ที่ค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์มาก ในระยะเวลาครึ่งปีที่ได้ทำงานมา ต้องบอกตรง ๆ ว่ามีการทำงานค่อนข้างเปิดรับคนรุ่นใหม่ เปิดรับไอเดียใหม่ ๆ และต้องการจะสร้างสิ่งที่ทำให้ตลาดรู้สึกตื่นเต้น ซึ่งในมุมของคนที่เข้ามาร่วมงานก็อยากให้เขาสามารถเป็นตัวของตัวเอง สามารถที่จะเสนอไอเดียต่าง ๆ
ณ วันนี้ชายสี่มีสัดส่วนพนักงานที่อายุน้อยเข้ามาเยอะมากขึ้น มีเทรนด์การทำงานของคนรุ่นใหม่ซึ่งสอดคล้องกับความเป็นมาของแบรนด์ ด้วยสโลแกน “ครัวของทุกบ้าน อาหารของทุกคน หนึ่งในใจทุกเวลา” แบบที่ไม่ได้จำกัดว่าเป็นอาหารของใคร เพศไหน หรืออายุเท่าไหร่
ซึ่งจุดนี้ส่งผลให้มีความลื่นไหลในการทำงาน ทั้งในแง่ของการที่คนรุ่นใหม่เข้ามาทำงาน ไม่ได้มีการตีตราว่าใครเป็นเด็กจบใหม่ ใครเป็นคนที่มีประสบการณ์ในการทำงาน แต่จะใช้จุดประสงค์ในเป้าหมายร่วมกันเป็นตัวดำเนินการในการเปลี่ยนผ่านสู่องค์กรที่คนรุ่นใหม่เข้าถึงได้
HR ยุคใหม่ ไฉไลกว่าเดิม
วิสัณห์บอกเล่าถึงสิ่งที่แบรนด์กำลังสื่อสาร คือการที่ให้คนนอกเห็นภาพภายในของบริษัทเพิ่มมากขึ้น เพิ่มจากการเห็นรถเข็น เห็นอาหารที่เป็นเอกลักษณ์ของชายสี่ ซึ่งกล่าวในฐานะ HR ว่ามีการวัดว่าการ Evolve ของบริษัท ว่าอยู่ในเกณฑ์ดี หรือตามเป้าประสงค์หรือไม่
โดยเหล่านี้จะสะท้อนออกมาในบรรยากาศ ออกมาจาก Experience ที่พนักงานมี หลาย ๆ คนเริ่มพูดถึงชายสี่คอร์ปในฐานะบริษัทนายจ้างมากขึ้น ส่วนหนึ่งจะเห็นได้จาก Lifestyle จาก Content ที่แชร์ลงโซเชียลมีเดีย ซึ่งทางพนักงานได้จัดทำกันเองขึ้นมา
ตรงนี้เองมีการปรับเปลี่ยนเรื่องการสื่อสารจากช่องทาง Traditional หรือ Formal ชายสี่ได้มีการทำช่องที่เป็น TikTok มาได้ราว ๆ 2 เดือนแล้ว โดยที่ไม่ใช้เงินแม้แต่บาทเดียว ซึ่งตอนนี้มี Follower Organic ประมาณ 3,000 คน มียอดเข้าชมหลักแสน
ซึ่ง Content ทุกอย่างไม่มีอะไรที่เป็นการ Build It Up เป็นการถือกล้องแล้วก็ถ่ายสิ่งที่เกิดขึ้นในองค์กร เป็นบรรยากาศของพนักงาน ซึ่งเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้คนมองภาพชายสี่เปลี่ยนไป
ทั้งนี้ ชายสี่คอร์ปได้ให้ความสำคัญเรื่องของความเท่าเทียม เนื่องจากใน Core Value ของบริษัท คำว่า Please ประกอบไปด้วย P-People คือการให้ความสำคัญกับคุณค่าของคน ผ่านการวิเคราะห์ว่าบุคลากรอยากได้อะไร ไม่ใช่วิเคราะห์ว่าบริษัทอยากให้อะไร
เป็นการคิดว่าจะทำให้คุณภาพชีวิตพนักงานดีขึ้น โดยเฉพาะเรื่องความเท่าเทียม บริษัทจึงมีวันหยุด เช่น วันลาผ่าตัดแปลงเพศที่มีมาตั้งแต่ก่อนสมรสเท่าเทียม เป็นต้น
พัฒนาสู่บริษัทที่ได้รับความนิยม
วิสัณห์กล่าวตามตรงว่า ชายสี่มีความทะเยอทะยานอยู่ไม่น้อยสำหรับการพัฒนาบริษัทให้กลายเป็นหนึ่งใน Most Prefered Company ในตลาดแรงงาน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งหากในอนาคตมีการขยายตลาดไปยังต่างประเทศ ก็มีความต้องการให้ชายสี่เป็น Ultimate Destination ของ Ambitious Talent
หรือก็คือการที่จะทำให้องค์กรเป็นองค์กรที่มีศักยภาพ และมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาตัวเองอย่างประสบความสำเร็จ ซึ่งในปัจจุบันก็ได้มีโครงการ Management Trainee Gen ที่ได้ดำเนินการไปเมื่อเดือนสิงหาคม โดยที่เป็นการรับเด็กจบใหม่เข้ามาแบบไม่สนใจมหาวิทยาลัย ไม่สนใจคณะ ให้ความสนใจที่ตัว Personality และมองที่ Potential ตลอดโปรแกรมปีครึ่ง
โดยผู้เข้าร่วมโครงการจะได้รับการ Rotate ในหลาย ๆ ฟังก์ชั่น เพื่อกลายเป็น Manager ของชายสี่ เป็นโปรแกรมที่ทำให้เด็กที่มีศักยภาพ รู้สึกว่าอยากขับเคลื่อนตัวเอง สามารถแก้โจทย์ที่ยากในสายอาชีพ ผลักดันไปสู่การเป็นเมเนเจอร์ได้อย่างเต็มตัว ซึ่งมีผู้เข้าสมัครกว่า 400 คน และได้คัดเลือกจนเหลือ 6 คนสุดท้าย
โดยตอนนี้ก็อยู่ในโปรแกรมช่วงเฟสแรกของ 4 เดือนแรกอยู่ ซึ่งก็ต้องติดตามกันต่อไป ว่าผลของผู้เข้าอบรมจะเป็นอย่างไร ในส่วนของ HR เองก็ได้แย้ม ๆ มาว่าปีหน้าน่าจะมีอะไรสนุก ๆ ให้ตลาดได้ตื่นเต้นด้วยเช่นกัน