“อีกนิดหนึ่ง” แนวคิดพาสวนนงนุชฝ่าทุกวิกฤต ของกัมพล ตันสัจจา

สถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ต่อเนื่องยาวนานหลายเดือน ส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจไปทั่วทั้งโลก “สวนนงนุช พัทยา” หนึ่งในธุรกิจขนาดใหญ่ที่ได้รับผลกระทบจนต้องปิดกิจการกว่า 2 เดือน แต่สามารถต่อสู้กับภาวะวิกฤตและกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง

สวนนงนุช พัทยา สวนพฤกษศาสตร์ขนาดใหญ่ในภาคตะวันออกของไทย ติดอันดับ 1 ใน 10 ของสวนที่สวยที่สุดในโลก มีพื้นที่ถึง 1,700 ไร่ ปกติรองรับนักท่องเที่ยวกว่า 5,000 คนต่อวัน แต่เมื่อมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ทั้งนักท่องเที่ยวและรายได้ลดลงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

กัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุช พัทยาบอกว่า ช่วงแรก ๆ สวนนงนุชได้รับผลกระทบเช่นเดียวกันกับแหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ ในพัทยา เพราะนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เป็นลูกค้าหลักถึง 80% ส่วนนักท่องเที่ยวชาวไทยก็มาเที่ยวได้ไม่สะดวกสบายเหมือนก่อน และเมื่อสถานการณ์รุนแรง ล็อกดาวน์เมือง สวนนงนุชต้องปิดให้บริการนานถึง 2 เดือน

“ในช่วงนั้นเรามีพนักงานที่อยู่ในสวนกว่าพันคน พูดกันจริง ๆ คือ ทุกตำแหน่งตกงานทั้งหมดเพราะเราไม่ได้เปิดรับลูกค้า แต่ผมเอาวิกฤตครั้งนี้มาเปลี่ยนเป็นโอกาส พัฒนาตัวเราให้พร้อมเดินไปข้างหน้า ล็อกดาวน์บ้านตัวเองไปพร้อมกับล็อกดาวน์เมืองไม่ให้ใครออกไป ไม่ให้ใครตกงาน ทุกคนยังคงทำงานกันเต็มที่ แต่จะมีการพัฒนาสิ่งใหม่ ๆ เพิ่มเติมเข้ามาเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับอนาคตในทุก ๆ ด้าน”

ในเรื่องเงินเดือน แม้จะลดลง 20% แต่มีนโยบายขายอาหารราคาถูกให้พนักงาน เพื่อให้ทุกคนอยู่ได้อย่างสบายใจ ขณะเดียวกัน ได้ปรับรูปแบบการทำงานใหม่ ทุกคนจะเริ่มต้นวันใหม่ด้วยแนวปฏิบัติเดียวกันคือ ต้องรายงานผลการทำงาน พูดคุยกัน วางแผนร่วมกัน ทำให้แต่ละฝ่ายกล้าคุย ปรึกษากัน มีความเข้าใจกัน และทำงานเป็นทีมกันมากขึ้น หากเป็นเมื่อก่อนเรื่องแบบนี้อาจจะไม่เกิด

“ถ้าผมเอาเงินเป็นที่ตั้ง เมื่อสวนปิดผมก็แค่หยุดจ่ายเงินเดือน ตัดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นออก แต่เมื่อชั่งน้ำหนักดูแล้วพบว่าการเดินไปข้างหน้าจะดีกับทุกฝ่าย โดยใช้คำว่า “อีกนิดหนึ่ง” เป็นหลักในการทำงาน คือเมื่อทำอะไรเสร็จแล้วต้องดูว่าทำอะไรเพิ่มอีกนิดหนึ่งได้ไหม เพื่อให้มันดีขึ้น จะไม่จบแล้วจบเลยในครั้งเดียว”

หลังจากปิดให้บริการไปกว่า 2 เดือน วันนี้สวนนงนุชกลับมาเปิดบริการอีกครั้งด้วยสิ่งที่น่าสนใจมากมาย

“เมื่อตอนที่เราหยุดชั่วคราว ผมมีเป้าหมายคือ ทำอย่างไรให้คนที่มาเป็นกระบอกเสียงบอกต่อให้แก่เรา สมัยนี้ทุกคนมีโทรศัพท์มือถือ มีโซเชียลมีเดีย หากโพสต์รูปหรือเช็กอินก็จะเป็นการประชาสัมพันธ์ไปอีกทางได้ สิ่งเหล่านี้เป็นแรงบันดาลใจให้สวนนงนุชสร้างทุกอย่างไม่ให้เหมือนเดิม และไม่หยุดที่จะเปลี่ยนแปลง พยายามทำทุกอย่าง โดยเน้นการใช้เงินน้อยที่สุด แต่ได้ผลงานมากที่สุด ลงมือปรับปรุงส่วนต่าง ๆ ด้วยตัวเองทุกเช้า ซึ่งไม่เคยทำอย่างนี้มาก่อน เพราะหากเป็นช่วงปกติเราจะคิดถึงแต่การดูแลลูกค้า”

ตอนนี้สวนนงนุช พัทยามีจุดชมวิวใหม่เพิ่มเข้ามาคือ เนิร์สเซอรี่พันธุ์ไม้ ที่นักท่องเที่ยวสามารถนั่งรถชมเบื้องหลังการปลูกและดูแลพันธุ์ไม้ชนิดต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด บนพื้นที่ 5 ไร่ อาทิ เนิร์สเซอรี่กระบองเพชร โกสน หมากผู้หมากเมีย ชวนชม บอนไซ ปาล์ม สับปะรดสี รวมถึงสวนกระถางที่เราปั้นเป็นรูปร่างต่าง ๆ แปลกตา เหมาะกับการถ่ายรูป ซึ่งหลังจากเปิดให้บริการได้รับผลตอบรับที่ดีจากนักท่องเที่ยว ทุกคนชอบมากเพราะแปลกและแตกต่าง ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน และหากสถานการณ์กลับมาเป็นปกติ จะมีเรือนเก็บพันธุ์ไม้เมืองหนาวเพิ่มเข้ามาเป็นแหล่งเรียนรู้แห่งใหม่ที่แรกในเอเชีย

นอกจากนี้ ยังมีจุดเช็กอินอื่น ๆ เช่น สวนลอยฟ้า สวนไดโนเสาร์ สโตนเฮนจ์ สวนฝรั่งเศส สวนกล้วยไม้ สกายวอล์ก สถานที่ทางพุทธศาสนา ฯลฯ เรียกได้ว่าตอนนี้สวนนงนุชเปอร์เฟ็กต์เต็มที่ พร้อมรับนักท่องเที่ยวแล้ว

เมื่อเจอกับปัญหาในแต่ละครั้ง สวนนงนุชจะพยายามเปลี่ยนแปลงหลาย ๆ สิ่งเพื่อทำให้ทุกอย่างดีขึ้น เพราะอยากให้ที่นี่เป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าสู่ประเทศไทย เข้าสู่เมืองพัทยา และคุ้มค่ากับการที่เขาจะมา

“ในส่วนของนักท่องเที่ยวต่างชาติ เรายังคงต้องพึ่งพาเขาอยู่ แต่ต้องรอให้สถานการณ์กลับมาเป็นปกติ สิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้คือ สนับสนุนให้เกิดไทยเที่ยวไทย เพื่อให้เศรษฐกิจไทยเดินไปข้างหน้า และเป็นการช่วยเหลือคนระดับรากหญ้าด้วย”

อีกหนึ่งสิ่งที่สวนนงนุชมุ่งมั่นมาตลอด และจะยังคงเดินหน้าต่อไปคือ เป็นแหล่งเรียนรู้ให้แก่เยาวชนคนรุ่นใหม่ ปลูกฝังความรักและเคารพในธรรมชาติ วัฒนธรรมไทย ทั้งอาหาร ผลไม้ ศิลปะการต่อสู้ การแสดงนาฏศิลป์ มีลานกิจกรรมให้ได้ร่วมกันอย่างหลากหลาย

เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวหลังคลายล็อกดาวน์ สวนนงนุชมีมาตรการความปลอดภัยทั่วทุกบริเวณ เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้ผู้ใช้บริการตามมาตรฐานที่ทางการกำหนด

“สวนนงนุชได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 10 สวนสวยที่สุดในโลก ผมก็ต้องรักษามาตรฐานนั้นไว้ให้ได้ ยอมรับว่าวิกฤตครั้งนี้ทำให้เราทำงานยากขึ้น เดินหน้าต่อก็ค่อนข้างยาก เพราะสวนนงนุชไม่ได้ทำกำไรมากนัก ผมจึงพยายามเปลี่ยนแปลงและพัฒนา คิดค้นสิ่งใหม่ ๆ มาช่วยเหลือเกื้อกูลกันเพื่อให้เดินไปข้างหน้า แม้กระทั่งหาเงินจากแหล่งข้างนอก เช่น รับจัดสวนครบวงจรเพื่อให้รวม ๆ แล้วไม่ขาดทุน สามารถอยู่ได้ ถ้าคุณอยากก้าวผ่านปัญหาไปได้ต้องพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลง” กัมพลกล่าวทิ้งท้าย

ท้ายนี้กัมพลเชิญชวนให้คนกรุงมาสัมผัสความสวยงามฝีมือการจัดดอกไม้ของสวนนงนุช พัทยา ที่จะมาเสริมความยิ่งใหญ่และสร้างความประทับใจครั้งใหม่กันในงาน “ไอคอนสยาม ไหว้พระสุขใจ หล่อเทียนไทยให้เรืองรอง” ณ ศูนย์การค้าไอคอนสยาม ระหว่างวันที่ 3-6 กรกฎาคม 2563 โดยจะมีการตกแต่งตามแนวคิด “แมนดาลา” ศูนย์กลางของพระพุทธศาสนา ประกอบไปด้วยหลักพรหมวิหารสี่ (เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา) เพื่อต้อนรับเทศกาลเข้าพรรษาที่ใกล้จะถึงนี้