จีไอที เอ็มโอยู ม.เทคโนโลยีราชมงคลอีสาน ยกระดับอุตสาหกรรมอัญมณีไทย

อัญมณีและเครื่องประดับ

สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ ลงนาม MOU กับคณะวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน ร่วมมือยกระดับห้องปฏิบัติการ งานวิจัย การพัฒนาบุคลากร และผู้ประกอบการ เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับของไทย

วันที่ 10 พฤศจิกายน 2565 นายสุเมธ ประสงค์พงษ์ชัย ผู้อำนวยสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ GIT เปิดเผยว่า จีไอทีได้ลงนามบันทึกความร่วมมือเรื่องการดำเนินงานด้านการวิจัยและพัฒนาวัสดุ และกระบวนการผลิตเครื่องประดับและโลหะมีค่า กับ ผศ.ดร.ศตคุณ เดชพันธ์ คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน เพื่อดำเนินการส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาวัสดุ และกระบวนการผลิต

รวมทั้งการตรวจสอบเครื่องประดับและโลหะมีค่าตามมาตรฐาน GIT standard โดยมีนายทนง ลีลาวัฒนสุข รองผู้อำนวยการ GIT และ ผศ.ดร.สุรัตน์ วรรณศรี รองคณบดีฝ่ายพัฒนานักศึกษา เป็นสักขีพยานในการลงนาม

“การลงนามความร่วมมือกับคณะวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานในครั้งนี้ จะก่อให้เกิดประโยชน์อย่างยิ่งต่อภาคอุตสาหกรรมของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นด้านการมุ่งเน้นมาตรฐานห้องปฏิบัติการตรวจสอบอัญมณี เครื่องประดับ และโลหะมีค่า งานวิจัย การบริการทางวิชาการ การพัฒนาบุคลากรและผู้ประกอบการ โดยให้สามารถนำองค์ความรู้และนวัตกรรมด้านอัญมณีและเครื่องประดับไปประยุกต์เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศได้”

ทั้งนี้ คณะวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน เป็นสถาบันการศึกษาที่ผลิตและพัฒนาบุคลากรให้กับอุตสาหกรรม รวมถึงมีห้องปฏิบัติการวิจัยพัฒนาวัสดุตัวเรือนเครื่องประดับ สำหรับผลิตงานวิจัยและงานวิชาการ

สำหรับ GIT เป็นหน่วยงานที่วางยุทธศาสตร์ในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ ด้วยการยกระดับคุณภาพและมาตรฐานสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับไทย ส่งเสริมกิจกรรมด้านการตลาด การยกระดับฝีมือแรงงาน การเพิ่มศักยภาพของผู้ประกอบการและบุคลากรของอุตสาหกรรมในทุก ๆ ด้าน

และยังเป็นหน่วยงานกลางในการประสานความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน ทั้งภายในและต่างประเทศ เพื่อให้เกิดการพัฒนาและสามารถยกระดับอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับไทยให้อยู่ในชั้นแนวหน้าของโลกได้อย่างยั่งยืนในเวทีสากล