ราคาน้ำมันดิบ (23 ม.ค. 66) ปรับเพิ่ม จากแนวโน้มเศรษฐกิจจีนที่สดใส

ราคาน้ำมันดิบ
Photo by Paul Ratje / AFP

ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่ม จากแนวโน้มเศรษฐกิจจีนที่สดใส และการชะลอปรับเพิ่มดอกเบี้ยของสหรัฐ

วันที่ 23 มกราคม 2566 หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บมจ.ไทยออยล์ ระบุว่า ปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับราคา ดังนี้ ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่ม หลังสำนักงานพลังงานสากล (IEA) กล่าวเมื่อวันพุธว่า การยกเลิกมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ในจีนจะเพิ่มอุปสงค์ทั่วโลกให้สูงเป็นประวัติการณ์ในปีนี้ เช่นเดียวกับกลุ่มโอเปก (OPEC) ที่คาดการณ์ว่าอุปสงค์ของจีนจะฟื้นตัวในปี’66 โดยล่าสุดคาดว่าความต้องการใช้น้ำมันของจีนจะเพิ่มขึ้นกว่า 510,000 บาร์เรลต่อวัน

โดยราคาน้ำมันเวสต์เทกซัสซื้อขายเมื่อ 20 ม.ค. 2566 อยู่ที่ 81.31 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น +0.98 เหรียญสหรัฐ และราคาน้ำมันเบรนต์อยู่ที่ 87.63 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น +1.47 เหรียญสหรัฐ

ราคาน้ำมันยังได้รับแรงหนุนจากความหวังที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) จะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย อีกทั้งคาดว่าแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐจะดีขึ้น จากการสำรวจของรอยเตอร์ระบุว่า ธนาคารกลางสหรัฐจะยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลังจากปรับเพิ่มขึ้น 0.25% ในการประชุมนโยบาย 2 ครั้งถัดไป และมีแนวโน้มที่จะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าวในช่วงที่เหลือของปี

Baker Hughes รายงานจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบสหรัฐ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 20 ม.ค.ปรับลดลง 10 แท่นมาอยู่ที่ระดับ 613 แท่น ในขณะที่แท่นขุดเจาะก๊าซธรรมชาติปรับเพิ่มขึ้น 6 แท่นมาอยู่ที่ระดับ 156 แท่น โดยแท่นขุดเจาะทั้งหมดลดลง 4 แท่น มาอยู่ที่ระดับ 771 แท่น ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ พ.ย. 65

ราคาน้ำมันเบนซิน

ราคาน้ำมันเบนซินปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่ากับราคาน้ำมันดิบดูไบ จากอุปทานที่ลดลงของมาเลเซีย เนื่องจากโรงกลั่นหยุดซ่อมบำรุง อีกทั้งการส่งออกที่ลดลงของจีน จากอุปสงค์ภายในประเทศที่เพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาลตรุษจีน

ราคาน้ำมันดีเซล

ราคาน้ำมันดีเซลปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ จากน้ำมันดีเซลคงคลังสิงคโปร์ ปรับลดลง 5.61 % แตะระดับ 8.15 ล้านบาร์เรล อีกทั้งอุปทานที่ลดลงของฝรั่งเศส จากการประท้วงของพนักงานโรงกลั่น