“บางจาก” ลุยธุรกิจน้ำมันเครื่องบินยั่งยืน (SAF) พร้อมเดินเครื่องไตรมาส 4 ปี 2567

บางจาก

“บางจาก” ลงนามบุกเบิกธุรกิจน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (SAF) รายแรกในไทย มุ่งสู่ผู้นำพลังงานแห่งอนาคต เริ่มผลิตไตรมาส 4 ปี 2567 

วันที่ 28 มิถุนายน 2566 บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จัดพิธีลงนามสัญญาก่อสร้างหน่วยผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืนระหว่าง บริษัท บีเอสจีเอฟ จำกัด กับบริษัท ทีทีซีแอล จำกัด (มหาชน)  

การลงนามในครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในภาคอุตสาหกรรมการบิน พร้อมตอบโจทย์ BCG Economy Model ทั้ง 3 ด้าน และเดินหน้าสู่การเป็นผู้นำพลังงานแห่งอนาคตด้วยผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel) หรือ SAF รายแรกในประเทศไทย

ในพิธีลงนามดังกล่าว นายธรรมรัตน์ ประยูรสุข รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและค้าน้ำมัน บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ในฐานะประธานกรรมการบริษัท บีเอสจีเอฟ จำกัด และนายวันชัย รตินธร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีทีซีแอล จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ร่วมลงนาม

บางจาก

นอกจากนี้ยังมี นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจากและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) นางเกว็นโดลิน คาร์ดโน อัครราชทูตที่ปรึกษา สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย พร้อมด้วย นายแบร์รี่ กลิคแมน ผู้จัดการทั่วไป Sustainable Technology Solutions บริษัท Honeywell UOP สหรัฐอเมริกา นาย คู เกี๊ยก เกิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท Desmet (ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และจีน) และผู้บริหารระดับสูงจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนให้เกียรติร่วมงานร่วมเป็นสักขีพยาน

โดย บางจากฯ ตั้งเป้าหมายกำลังการผลิต SAF อยู่ที่ 1,000,000 ลิตรต่อวัน และคาดว่า จะสร้างแล้วเสร็จและสามารถดำเนินการผลิต SAF ได้ภายในไตรมาส 4 ปี 2567 

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจากและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันและการค้าน้ำมันเป็นหนึ่งในธุรกิจหลัก ซึ่งมีการพัฒนาผ่านมาหลายยุค 

ตั้งแต่เชื้อเพลิงฟอสซิลในช่วงเริ่มต้น เข้าสู่ยุคที่ 1 ที่มีการนำเอทานอลหรือไบโอดีเซลมาผสมในเชื้อเพลิงฟอสซิล และก้าวเข้าสู่การเป็นผู้นำพลังงานแห่งอนาคต ในยุคที่ 2 ด้วยการบุกเบิก SAF ซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศได้ถึง 80% ตลอดวงจรชีวิต เมื่อเทียบกับเชื้อเพลิงอากาศยานจากฟอสซิล 

บางจาก

“ในวันนี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่ได้มีพิธีลงนามสัญญาก่อสร้างหน่วยผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืนจากน้ำมันพืชใช้แล้ว SAF ระหว่าง บริษัท บีเอสจีเอฟ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ธนโชค ออยล์ ไลท์ จำกัด กับ บริษัท ทีทีซีแอล จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการด้านการออกแบบวิศวกรรมและก่อสร้างโรงงานจากประเทศญี่ปุ่นที่มีประสบการณ์ในการทำธุรกิจกับบางจากฯ มากว่า 20 ปี”

สำหรับหน่วยผลิต SAF ในโรงกลั่นน้ำมันบางจาก จะใช้เทคโนโลยีในการปรับสภาพน้ำมันพืชใช้แล้ว (Pre-Treatment) ของบริษัท Desmet ประเทศมาเลเซีย โดยรวบรวมน้ำมันที่ใช้แล้วจากครัวเรือนและภาคธุรกิจผ่านโครงการ “ทอดไม่ทิ้ง” และช่องทางอื่น ๆ 

ส่วนเทคโนโลยีกระบวนการกำจัดออกซิเจน การปรับเปลี่ยนโครงสร้างและแตกโมเลกุลด้วยไฮโดรเจนผ่าน UOP Ecofining Technology ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่เป็นโซลูชั่นที่มีประสิทธิภาพสำหรับการผลิตเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืนของบริษัท Honeywell UOP ประเทศสหรัฐอเมริกา 

นายชัยวัฒน์กล่าวเสริมว่า การลดการปล่อยคาร์บอนนับเป็นภารกิจสำคัญของทุกภาคส่วน โดยเฉพาะ SAF เป็นอีกหนึ่งก้าวที่สะท้อนรูปธรรมที่ชัดเจนของการดำเนินงานตามแผน BCP 316 NET ของบางจากฯ เพื่อไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี 2573 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net Zero GHG Emissions) ในปี 2593 

นอกจากนี้ยังเป็นการบูรณาการในการพัฒนาเศรษฐกิจ BCG Economy Model ทั้ง 3 ด้าน คือเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียนและเศรษฐกิจสีเขียว เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตควบคู่กับการพัฒนาสังคมและการรักษาสิ่งแวดล้อมได้อย่างสมดุลและยั่งยืน