สมาคมการประมงแห่งประเทศไทย ค้านรัฐออกประกาศห้ามนำสัตว์น้ำขนาดเล็กกว่ากำหนดขึ้นเรือตามมาตรา57 พรก.การประมงเหตุมีโทษรุนแรง และอาจหมดอาชีพทำกิน พร้อมเสนอใหรัฐเร่งซื้อเรือคืน โดยเฉพาะเรือปั่นไฟที่ประสบปัญหาหนักรอบด้าน
นายมงคล สุขเจริญคณา ประธานสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามที่ได้มีการนำเสนอข่าวว่ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะมีนโยบายการออกประกาศห้ามนำสัตว์น้ำขนาดเล็กกว่ากำหนดขึ้นเรือประมงตามมาตรา57แห่งพระราขกำหนดการประมง พศ.2558 มาบังคับใช้กับชาวประมงนั้น ที่ประชุมคณะกรรมการสมาคมในวันนี้ได้ลงมติว่า อาจทำให้เรือประมงพื้นบ้านและเรือประมงพาณิชย์มีความเสี่ยงที่จะกระทำผิดได้โดยง่ายเหมือนกัน เพราะเครื่องมือประมงพื้นบ้านและเรือประมงพาณิชย์ต่างก็สามารถจับสัตว์น้ำขนาดเล็กได้เช่นกัน ซึ่งประเด็นดังกล่าวนี้เป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบกับชาวประมงในภาพรวม และอาจเป็นการเปิดโอกาสให้เจ้าหน้าที่ของรัฐมีการทุจริตเรียกร้องผลประโยชน์โดยมิชอบจากชาวประมงในการไม่ให้ถูกตรวจจับ หากกระทำผิดโดยตั้งใจหรือมิได้ตั้งใจก็ตาม ก็จะถูกดำเนินคดีอย่างรุนแรง เนื่องจากเป็นความผิดร้ายแรงตามมาตรา114(8)โดยจะมีโทษปรับตามมาตรา139ปรับตั้งแต่1แสนบาทถึง30ล้านบาท
ส่วนในเรือประมงพาณิชย์ หากมีการนำคดีขึ้นสู่ศาล จะมีโอกาสถูกสั่งยึดเรือตามมาตรา169และจะต้องถูกคำสั่งทางปกครองยึดสัตว์น้ำทั้งหมดที่มีอยู่ในเรือประมงตามมาตรา113(1)และถูกเพิกถอนใบอนุญาตตามมาตรา113(4)ซึ่งจะทำให้เจ้าของเรือประมงที่มีเรือประมงอยู่หลายลำไม่สามารถขอใบอนุญาตประมงพาณิชย์กับลำอื่นๆตามมาตรา39ได้
ดังนั้นกฎหมายมาตรา57 แห่งพรก.การประมง จึงเป็นกฎหมายที่ในทางปฎิบัติไม่สามารถจะกระทำได้โดยง่าย สมาคมจึงขอคัดค้านการนำมาตรา57แห่งพรก.การประมงมาบังคับใช้และเสนอให้เลิกมาตรา57 ออกจากพรก.การประมงด้วย เนื่องจากส่งผลกระทบต่อชาวประมงทั้งประเทศ
นอกจากนี้ ตามที่สมาคมได้เคยมีหนังสือถึงภาครัฐเพื่อขอให้มีการรับซื้อเรือที่มีใบอนุญาตทำการประมงพาณิชย์ ที่เจ้าของเรือมีความประสงค์จะขายเรือ ตามที่แจ้งความประสงค์ไว้แล้ว โดยเฉพาะเรือปั่นไฟ เพราะประสบกับภาวะขาดทุน หนี้สินเพิ่ม ขาดแรงงานฯจึงขอให้ภาครัฐเร่งรัดรับซื้อเรือที่มีใบอนุญาตทำการประมงพาณิชย์ด้วยนายมงคลกล่าว