หอการค้าไทยถก 40 CEOs (พลัส) หนุนล็อกดาวน์เฉพาะพื้นที่ พร้อมเร่งวัคซีน

กรุงเทพ ล็อกดาวน์
REUTERS/Athit Perawongmetha

หอการค้าไทยถก 40 CEOs (พลัส) เสนอยกระดับมาตรการคุมเข้มเฉพาะพื้นที่ หวั่นคุมระบาดไม่ไหว จี้รัฐเร่งวัคซีน หลังพบยอดฉีดทั้งประเทศครบ 2 โดสได้แค่ 4%

วันที่ 9 กรกฎาคม 2564 นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยภายหลังการหารือกับ 40 CEOs (พลัส) ค่ำวานนี้ (8 กรกฎาคม) ว่า ภาคเอกชนต่างรู้สึกเป็นห่วงต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 เป็นอย่างมาก เนื่องจากมีตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด ซึ่งกระทบต่อเนื่องไปยังความสามารถในการรองรับผู้ป่วยของประเทศที่มีอยู่อย่างจำกัด ในขณะที่การจัดหาและการกระจายวัคซีนก็ยังไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

ที่ประชุมขอเสนอให้จำกัดเฉพาะบางพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง ไม่ควรล็อกดาวน์ทั้งประเทศ โดยให้ดำเนินการควบคุมเฉพาะพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดมาก งดการเคลื่อนย้ายของประชาชน เน้นให้ประชาชนทำงานที่บ้าน เพื่อลดการแพร่กระจายเชื้อ

นอกจากนั้น มาตรการที่จะประกาศใช้ต้องคำนึงและให้ครอบคลุมถึงแนวทางการดูแล และเยียวยาทุกภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบอย่างชัดเจนควบคู่กันไปด้วย ไม่เช่นนั้นจะเกิดการเคลื่อนย้ายของประชาชนกลับภูมิลำเนา ซึ่งส่งผลให้การระบาดกระจายไปทั่วประเทศ และในที่สุดจะนำไปสู่ความล้มเหลวทางสาธารณสุขและเศรษฐกิจ (เจ็บแต่ไม่จบ) และจะลามไปถึงปัญหาทางสังคมอีกในอนาคต

ทั้งนี้ ปัจจุบันการฉีดวัคซีนในประเทศไทยไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ขณะนี้มีการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนในประเทศไทยได้ 1 โดส 13% และครบ 2 โดสเพียง 4% ของประชากรเท่านั้น สาเหตุเพราะจัดหาวัคซีนได้น้อยกว่าที่ได้วางแผนไว้ หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยจึงขอเสนอให้ภาครัฐต้องมีการเตรียมการ ทั้งจัดหาและจัดสรรวัคซีนให้เร็วและเพียงพอ

ซึ่งการจัดตั้งศูนย์ฉีดวัคซีน 25 ศูนย์ นอกโรงพยาบาล ของหอการค้าไทยและภาคีมีความสามารถที่จะเสริมและรองรับการกระจายวัคซีนได้จำนวน 80,000 โดสต่อวัน และมีมาตรการรองรับผู้ฉีดทุกกลุ่มอายุ สามารถแบ่งเบาภาระของโรงพยาบาลได้ จึงอยากให้ภาครัฐพิจารณาใช้ประโยชน์จากศูนย์ฉีดวัคซีนนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ทั้งนี้ ภาครัฐควรจัดหายาและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จะมารักษาเพิ่มขึ้นให้เพียงพอ และเพิ่มจำนวนเตียงที่มารองรับผู้ป่วยให้มากขึ้นอีกด้วย รวมถึงมีมาตรการ Home Isolation ที่ชัดเจน พร้อมเสริมการตรวจเชิงรุกโดย Rapid test ในราคาที่เหมาะสม เพื่อคัดแยกผู้ติดเชื้อออกมา

สำหรับ Phuket Sandbox ที่ได้เปิดประเทศในวันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา ตรงกับวันที่ครบรอบภารกิจ 99 วันแรกในการทำงานของคณะกรรมการหอการค้าไทยชุดนี้ ซึ่งได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่งจากทุกภาคส่วนในการสนับสนุนภารกิจต่าง ๆ และนโยบายการเปิดประเทศของรัฐบาล

ซึ่งบทเรียนของการเปิดภูเก็ตนั้น หอการค้าไทยเห็นด้วยที่จะมีการนำไปขยายผลการทดลองเปิดนี้ไปยังพื้นที่อื่น ๆ ของประเทศให้ได้ โดยเฉพาะเรื่องการจัด COE (Certificate of Entry) และขอเสนอให้นำเทคโนโลยีมาใช้ เช่น Digital Vaccine Passport ที่ได้มาตรฐานและนานาชาติยอมรับ เพราะไม่สามารถปลอมแปลง และตรวจสอบความถูกต้องได้

“แม้ว่าการเปิดประเทศจะเป็นเรื่องสำคัญ แต่ความปลอดภัยในชีวิตของประชาชนเป็นเรื่องที่สำคัญกว่า หอการค้าและภาคีภาคเอกชน เห็นว่ารัฐบาลควรมุ่งเป้าไปที่การตรวจในเชิงรุก ควบคุมการแพร่ระบาดและเร่งกระจายวัคซีนให้ได้ตามเป้าหมายก่อน ซึ่งหากสถานการณ์การแพร่ระบาดยังไม่ดีขึ้นกว่านี้ การเปิดประเทศคงเป็นไปได้ยาก” นายสนั่นกล่าว