พาณิชย์โดดช่วยชาวสวนลำไย ดันราคา หลังจีนชะลอนำเข้า เวียดนามผลผลิตทะลัก

ลำไย

พาณิชย์เดินหน้าเร่งช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกลำไย ดันราคาปรับตัวสูงขึ้น หลังจีนชะลอนำเข้า เวียดนามผลผลิตลำไยพุ่งสูง

วันที่ 26 สิงหาคม 2564 นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า จากที่มีการนำเสนอข่าวว่าชาวสวนลำไยใน อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ กำลังเดือดร้อนอย่างหนักจากราคาลำไยตกต่ำและพบปัญหาบริษัทขนส่งเอกชนรวมทั้งไปรษณีย์ไทย งดให้บริการขนส่งผลไม้เปลือกอ่อนในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 นั้น

กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายใน ขอชี้แจงว่า เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้จีนซึ่งเป็นผู้นำเข้าลำไยจากไทยรายใหญ่คิดเป็นสัดส่วนการส่งออกลำไยของไทยประมาณร้อยละ 70-80 มีการชะลอตัวของการสั่งซื้อ จากการบริโภคในประเทศปลายทางลดลง ประกอบกับผลผลิตในประเทศเวียดนามมีปริมาณเพิ่มขึ้น จึงนำเข้าลำไยรูดร่วงจากไทยเพื่อไปอบแห้งลดลง

โดยมูลค่าการส่งออกลำไยอบแห้งของไทยไปตลาดต่างประเทศ ตั้งแต่เดือมกราคม-กรกฎาคม 2564 มีมูลค่าลดลง ร้อยละ 29.49 และในเดือนกรกฎาคม 2564 ลดลง ร้อยละ 17 ทำให้เกษตรกรผู้ปลูกลำไยได้รับผลกระทบ

ซึ่งในเรื่องนี้ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้สั่งการให้กรมการค้าภายในและสำนักงานพาณิชย์จังหวัดในแหล่งผลิตลำไย โดยเฉพาะเชียงใหม่และลำพูน ลงพื้นที่ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์ด้านผลผลิต พบว่า คุณภาพของผลผลิตลำไยในฤดูกาลผลิตปี 2564 ได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศ ทำให้แก่เร็วกว่าปกติ ลูกเล็กแตกลาย และผลผลิตส่วนใหญ่เป็นลำไยเกรดรอง ที่ต้องเข้าสู่กระบวนการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เป็นหลัก ส่งผลให้ราคาลำไยอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน

ดังนั้น เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรผู้ปลูกลำไย โดยกระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาตามมาตรการบริหารจัดการผลไม้ ปี 2564 ดังนี้ 1) มาตรการสนับสนุนความช่วยเหลือด้านตลาดรองรับในประเทศ โดยรับซื้อผ่านสัญญาข้อตกลง ระหว่างกลุ่มเกษตรกรกับห้างค้าส่ง-ค้าปลีก (บิ๊กซี เดอะมอลล์ โลตัส แม็คโคร) ตลาดกลางสินค้าเกษตร โรงงานแปรรูป รวมถึงช่วยกระจายผลผลิตออกนอกแหล่งผลิต เพื่อจำหน่ายในตลาดปลายทางทั่วประเทศ

อาทิ ร้านธงฟ้า รถโมบายผลไม้ และสถานีบริการน้ำมัน จำนวน 1,028 สาขา (พีทีจี ปตท. บางจาก) รวมปริมาณกว่า 80,000 ตัน สนับสนุนค่าบริหารจัดการในการรวบรวมและกระจายผลผลิตลำไยให้แก่จังหวัดแหล่งผลิตลำไยรวมถึงจังหวัดเชียงใหม่ ในอัตรา 3 บาทต่อกิโลกรัม รวม 6 จังหวัด ปริมาณกว่า 15,764 ตัน

2) รับซื้อผลผลิตลำไยรูดร่วง ในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดมาก ซึ่งเกษตรกรประสบปัญหาไม่มีช่องทางการตลาด รวมปริมาณรับซื้อ 3,000 ตัน โดยเข้าไปรับซื้อโดยตรงจากเกษตรกร กลุ่มเกษตรกร สหกรณ์การเกษตรและวิสาหกิจชุมชนในจังหวัดเชียงใหม่และลำพูน ตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม 2564

3) มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกลำไย (รูดร่วง) เพิ่มเติมจังหวัดเชียงใหม่ และลำพูน ได้ดำเนินโครงการขยายช่องทางการตลาดลำไยสด (รูดร่วง) เชื่อมโยงเข้าสู่โรงงานแปรรูปรวมปริมาณ 5,600 ตัน ซึ่งจะช่วยรักษาเสถียรภาพราคาลำไยได้จนสิ้นสุดฤดูกาลผลิตนี้ ทั้งนี้ ผลผลิตลำไยในแหล่งผลิตสำคัญ ได้แก่ เชียงใหม่และลำพูน เข้าสู่ช่วงปลายฤดูกาล โดยผลผลิตได้ออกสู่ตลาดมากกว่าร้อยละ 85 แล้ว

และ 4) ด้านการขนส่ง กรมฯ ร่วมกับ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ได้สนับสนุนกล่องบรรจุผลไม้และค่าขนส่งฟรี รวม 200,000 กล่อง ให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกผลไม้และผู้ประกอบการ online ซึ่งกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกลำไยสามารถติดต่อขอรับการสนับสนุนด้านมาตรการตลาดรองรับดังกล่าวได้จากสำนักงานพาณิชย์จังหวัดในพื้นที่

สำหรับกรณีปัญหาการส่งสินค้าไปยังปลายทางที่มีปัญหาโควิด-19 บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ได้แจ้งไปยังสาขาไปรษณีย์ทุกแห่ง เพื่อจัดระบบงานรองรับผลผลิตทางการเกษตรของเกษตรกรที่ได้รับความเดือดร้อน ซึ่งในปัจจุบันสามารถบริหารจัดการแก้ไขปัญหาให้ระบายผลผลิตไปยังปลายทางได้ทั่วประเทศแล้ว

นอกจากนี้ ภายใต้มาตรการบริหารจัดการผลไม้ ปี 2564 ยังได้สนับสนุนค่าบริหารจัดการผลักดันส่งออกผลไม้กิโลกรัมละ 5 บาท เป้าหมาย 60,000 ตัน ในการเป็นเครื่องมือแก้ปัญหาในช่วงสถานการณ์โควิดที่ความต้องการบริโภคลดลงทั้งในและต่างประเทศอีกด้วย ทั้งนี้ จากการแก้ไขปัญหา ได้ส่งผลให้ราคาลำไยปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยขณะนี้ราคาเกรด AA อยู่ที่ 20 บาท/กก. เกรด A อยู่ที่ 8 บาท/กก. เกรด B อยู่ที่ 5 บาท/กก. และเกรด C สูงสุดถึง 3 บาท/กก. ซึ่งขณะนี้กระทรวงพาณิชย์ก็ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด