ปศุสัตว์ไทยขอจีนขยายตลาดสัตว์ปีก เปิด Sandbox ส่งออกโคเนื้อ

อัครราชทูตเศรษฐกิจและพาณิชย์จีน

ปศุสัตว์ไทยเจรจาอัครราชทูตเศรษฐกิจและพาณิชย์จีน เพิ่มโอกาสลงทุนการค้า ไทยรุกขอจีนช่วยขึ้นทะเบียนโรงงานเนื้อสัตว์ปีกและผลิตภัณฑ์ไก่ พร้อม Sandbox เปิดตลาดโคเนื้อมีชีวิต

วันที่ 7 มิถุนายน 2565 นายสัตวแพทย์โสภัชย์ ชวาลกุล รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า ตนได้รับมอบหมายเป็นผู้แทนกรมปศุสัตว์เจรจากับนายหวัง ลี่ผิง อัครราชทูตที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจและพาณิชย์ประจำสถานทูตเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย (หยู หยาง) และคณะ พร้อมด้วยผู้อำนวยการสำนักพัฒนาระบบและรับรองมาตรฐานสินค้าปศุสัตว์ ผู้อำนวยการกองความร่วมมือด้านการปศุสัตว์ระหว่างประเทศ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ณ สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทยเพื่อติดตามประเด็นที่คงค้างและขอความร่วมมือให้ทางสาธารณรัฐประชาชนจีนช่วยผลักดันในประเด็นด้านปศุสัตว์

โดยไทยได้หารือถึงการขึ้นทะเบียนโรงงานเนื้อสัตว์ปีกและผลิตภัณฑ์เพื่อการส่งออกจากไทยไปจีน การขอเปลี่ยนแปลงข้อมูลการขึ้นทะเบียนโรงงานเพื่อส่งออกจากไทยไปจีนในการขยายขอบข่ายและการขยายกำลังการผลิตของโรงงาน และการเปิดตลาดโคเนื้อมีชีวิตไปยังประเทศจีน ภายใต้โครงการ Sandbox ปศุสัตว์ ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี เพื่อเป็นโครงการนำร่องกำหนดพื้นที่เป้าหมายในการควบคุมโรคสัตว์ เพิ่มช่องทางและโอกาสในการส่งออกโคเนื้อมีชีวิต

“ไทยขอให้เจ้าหน้าที่จากฝ่ายจีนมาศึกษาดูงานในส่วนที่เกี่ยวข้องกับโครงการ ในพื้นที่ทำ Sandbox ปศุสัตว์ของไทย เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในระบบการควบคุมโรคและการจัดการระบบการผลิต สามารถเปิดตลาดส่งออกโคเนื้อมีชีวิตจากไทยไปจีนได้ต่อไป การขึ้นทะเบียนโรงงานรังนกและผลิตภัณฑ์เพื่อการส่งออกจากไทยไปจีน ผ่านระบบ CIFER ตามระเบียบใหม่ของจีนที่มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2565 เรื่องหารือและความร่วมมือในด้านวิชาการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง”

ทั้งนี้ นโยบายนายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ มุ่งส่งเสริมและขยายการเปิดตลาดด้านปศุสัตว์ไปต่างประเทศ เพื่อเป็นการสร้างรายได้ให้เกษตรกรและผู้ประกอบการด้านปศุสัตว์ของประเทศไทย ให้มีอาชีพที่มั่นคง มีรายได้มั่งคั่ง และสามารถประกอบอาชีพด้านปศุสัตว์ได้อย่างยั่งยืน ซึ่งไทยและจีน มีความสัมพันธ์อันดีต่อเนื่องมายาวนาน ทั้งด้านเศรษฐกิจ การค้า สังคมและวัฒนธรรม และความร่วมมือเชิงเทคนิคและวิชาการในด้านต่าง ๆ รวมไปถึงการพัฒนายกระดับความสัมพันธ์ทางการค้าด้านปศุสัตว์

“การเจรจาหารือประเด็นด้านปศุสัตว์และความร่วมมือต่าง ๆ ในครั้งนี้ เป็นโอกาสที่ดีและเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง เพื่อกระชับความสัมพันธ์อันดี และพัฒนายกระดับความร่วมมือด้านการค้าปศุสัตว์ระหว่างไทย-จีน เพิ่มโอกาสทางการค้าได้ต่อไป ขอให้ทางฝ่ายจีนมั่นใจ สินค้าปศุสัตว์และสัตว์มีชีวิตที่ไทยส่งออกไปจีนนั้น มีการควบคุมโรค มีกระบวนการผลิตที่ได้คุณภาพมาตรฐาน สอดคล้องตามระเบียบของสาธารณรัฐประชาชนจีน และตามหลักมาตรฐานสากลแน่นอน”

นายหวัง ลี่ผิง อัครราชทูตฯ ฝ่ายจีน กล่าวว่าทางฝ่ายจีนรู้สึกเป็นเกียรติและมีความยินดีอย่างยิ่ง และพร้อมผลักดันความร่วมมือและการลงทุนด้านปศุสัตวร่วมกันระหว่างรัฐบาลกับรัฐบาล (G to G) โดยให้กรมปศุสัตว์เป็นตัวกลางผู้ประสานงานระหว่างสมาคมและผู้ประกอบการในการหารือเพื่อดำเนินการได้อย่างยั่งยืนต่อไป

และตามประกาศและนโยบายของท่านสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ที่ได้กล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน-จีน ในโอกาสครบรอบ 30 ปี นั้น ได้ประกาศจะมีการนำเข้าสินค้าจากอาเซียนไปจีน เป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 150,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นคำมั่นสัญญาของจีน เป็นสัญญาณ แนวโน้มและโอกาสที่ดีสำหรับการส่งออกสินค้าเกษตรและสินค้าปศุสัตว์ของไทยไปจีนต่อไปในอนาคต