กระทรวงเกษตรฯ มั่นใจไทยพร้อมรับมือขับเคลื่อนความมั่นคงด้านอาหาร

ข้าว

กระทรวงเกษตรฯ พร้อมรับมือขับเคลื่อนความมั่นคงด้านอาหาร มั่นใจผลผลิตแหล่งอาหาร มีเพียงพอต่อประชากรในประเทศ พร้อมเตรียมเป็นเจ้าภาพ จัดประชุมรัฐมนตรีความมั่นคงอาหารเอเปค 26 สิงหาคมนี้ ณ ประจวบคีรีขันธ์

วันที่ 20 กรกฎาคม 2565 นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) โฆษกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า สำหรับสถานการณ์ด้านความมั่นคงอาหารที่หลายประเทศต่างวิตกกังวล และเป็นกระแสการตื่นตัวไปทั่วโลกในขณะนี้ และมีประชากรโลกเกือบ 200 ล้านคน กำลังประสบปัญหาความไม่มั่นคงด้านอาหาร ซึ่งเกิดจากหลากหลายปัจจัยด้วยกัน นับตั้งแต่การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เมื่อปลายปี 2562 การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จนล่าสุด คือ สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ที่ถือเป็นการจุดชนวนให้เกิดผลกระทบเศรษฐกิจโลกหลายด้าน

เนื่องจากทั้งสองประเทศมีบทบาทด้านสินค้าเกษตรที่จำเป็นต่อความมั่นคงอาหาร เป็นแหล่งทรัพยากรสำคัญของโลก โดยมีสัดส่วนการส่งออกข้าวสาลีประมาณ 30% ของการค้าข้าวสาลีทั่วโลก ยูเครนส่งออกน้ำมันดอกทานตะวันประมาณ 50% ของโลก ในขณะที่และรัสเซีย ส่งออกปุ๋ยประมาณ 20% ของโลก ส่งผลให้ราคาพลังงานและปุ๋ยมีราคาสูงขึ้น และเป็นกระแสผลักดันให้ประเทศผู้ผลิตอาหารออกนโยบาย “ห้ามส่งออก” เพื่อรักษาสมดุลอาหารเพื่อเลี้ยงคนในประเทศ อย่างไรก็ดี ยังมองว่าประเทศไทยมีความมั่นคงทางด้านอาหาร และมีผลผลิตที่เพียงพอต่อความต้องการภายในประเทศ รวมถึงการส่งออกสินค้าไปต่างประเทศได้

สุกร

ประเทศไทยแม้จะมีความมั่นคงทางด้านอาหาร และเป็นผู้ผลิตอาหารสำคัญ แต่ไม่ได้นิ่งนอนใจในวิกฤตการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้น โดยมีการวางแผนเตรียมความพร้อมด้านความมั่นคงอาหารทั้งระบบ ผ่านกลไกคณะกรรมการอาหารแห่งชาติ ซึ่งมีหน้าที่เกี่ยวกับด้านนโยบายอาหารของประเทศ โดยดำเนินงานผ่านคณะกรรมการขับเคลื่อนด้านต่าง ๆ ทุกมิติ ขณะเดียวกัน สามารถใช้วิกฤตการณ์กลายเป็นโอกาสสำคัญของไทยในการขับเคลื่อนการส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารไปยังประเทศต่าง ๆ ได้มากขึ้น

โดยจากข้อมูลการส่งออกสินค้าเกษตรปี 2565 ช่วง 5 เดือน (มกราคม-พฤษภาคม) เทียบกับปี 2564 ในช่วงเวลาเดียวกัน พบว่ามีการเติบโตอย่างเห็นได้ชัด โดยมีการส่งออกสินค้าเกษตรไทยไปโลกเพิ่มขึ้นจาก 5.48 แสนล้านบาท เพิ่มเป็น 6.91 แสนล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นกว่า 142,986 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้น 26% กลุ่มสินค้าเกษตรส่งออกสำคัญ 10 อันดับแรก

ได้แก่ ทุเรียน ข้าว ยางธรรมชาติ ไก่ปรุงแต่ง อาหารสุนัขหรือแมวปรุงแต่ง ปลาทูนากระป๋อง สตาร์ชทำจากมันสำปะหลัง น้ำยางธรรมชาติ เครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ และอาหารปรุงแต่งอื่น ๆ (เช่น เต้าหู้ แอลกอฮอล์ผง และครีมเทียม)

ดังนั้น แสดงให้เห็นว่าไทยยังคงรักษาการขยายการส่งออกสินค้าเกษตรได้เป็นอย่างดี และได้ประโยชน์จากราคาสินค้าโภคภัณฑ์เกษตรอาหารและอาหารแปรรูปสูงขึ้น เพราะสามารถผลิตเพื่อบริโภคและส่งออกได้ดี เนื่องจากสภาพภูมิประเทศเอื้อต่อการทำเกษตรกรรม จึงมีความมั่นคงในด้านอาหารระดับหนึ่ง

ในส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องวางแผนการขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านความมั่นคงอาหาร โดยให้ความสำคัญกับการจัดการระบบฐานข้อมูลขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมและเชื่อมโยงกันทั้งระบบ (BIG DATA)

โดยได้มอบหมาย สศก.ดำเนินการจัดทำปฏิทินผลผลิตสินค้าเกษตรรายเดือนระดับจังหวัด (Provincial Crop Calendar) เพื่อคาดการณ์ปริมาณการผลิตสินค้าเกษตรแบบรายชนิดสินค้า ที่จะออกสู่ตลาดเป็นรายเดือนตลอดปีเพาะปลูกล่วงหน้า ในแต่ละจังหวัด อำเภอ และตำบล รวมทั้งจะทำให้ทราบปริมาณสารอาหารที่มีอยู่ในแต่ละจังหวัดด้วย

ไข่ไก่

ทั้งนี้ เพื่อให้สามารถบริหารจัดการความมั่นคงด้านอาหารและโภชนาการได้ทั้งระบบทั้งในภาวะปกติ และภาวะวิกฤต แม้ประเทศไทยจะสามารถสร้างผลผลิตได้เองแต่ก็ยังมีปัจจัยการผลิตที่ต้องนำเข้า เช่น ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และถั่วเหลือง ซึ่งปัจจุบันก็ยังพบปัญหาทางด้านราคาและวัตถุดิบขาดแคลน

ดังนั้น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงได้มีมาตรการ ประกอบด้วย มาตรการระยะสั้น ซึ่งข้าวโพดและข้าวสาลี ส่วนใหญ่ใช้เป็นแหล่งพลังงานในสูตรอาหารสัตว์กระเพาะเดี่ยว (ไก่เนื้อ ไก่ไข่ ไก่พื้นเมือง และสุกร) กรมปศุสัตว์ จึงได้สนับสนุนให้เกษตรกรและผู้ประกอบการเพิ่มการใช้วัตถุดิบอาหารสัตว์ที่สามารถผลิตได้เองภายในประเทศในสูตรอาหารสัตว์

เช่น การใช้ข้าวกะเทาะเปลือก หรือมันสำปะหลัง ในสูตรอาหารเพื่อทดแทนข้าวโพด และข้าวสาลี เพื่อให้เกษตรกรได้เลือกสูตรอาหารสัตว์ที่เหมาะสมกับบริบทของพื้นที่ และเศรษฐกิจ เช่น สามารถใช้ข้าวกะเทาะเปลือกแทนข้าวโพดหรือข้าวสาลีในสูตรอาหาร โดยได้มีการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์สูตรอาหารสัตว์ 90 สูตร (สูตรอาหารสัตว์กระเพาะรวม (โค กระบือ แพะ แกะ) 75 สูตร และสัตว์กระเพาะเดี่ยว (ไก่ สุกร เป็ด) 15 สูตร ผ่านสื่อออนไลน์

รวมทั้งสนับสนุนเกษตรกรรายย่อยใช้วัตถุดิบที่มีในท้องถิ่นเป็นส่วนผสมและผลิตอาหารสัตว์ใช้เอง โดยให้บริการยืมเครื่องกลด้านอาหารสัตว์ (Motor Pool) และศูนย์บริการอาหารสัตว์กรมปศุสัตว์ (Feed Center) ตลอดจนมีทีมหน่วยบริการจัดการอาหารสัตว์เคลื่อนที่ “Feeding Management Mobile Unit (FMMU)” ให้คำแนะนำการจัดการด้านอาหารสัตว์ เพื่อการจัดการอาหารสัตว์ที่มีความแม่นยำ (precision feeding) ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนได้ประมาณ 1-2 บาท/กิโลกรัม โดยสามารถขอรับบริการได้ที่สำนักพัฒนาอาหารสัตว์ และศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์ทั้ง 33 แห่ง

นอกจากนี้ ยังมีกลไกความร่วมมือระหว่างประเทศ ซึ่งในปี 2565 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพเอเปค ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดย สศก.จะเป็นเจ้าภาพจัดประชุมรัฐมนตรีความมั่นคงอาหารเอเปค ครั้งที่ 7 (The 7th APEC Virtual Food Security Ministerial Meeting) ร่วมกับสมาชิกเอเปค 21 เขตเศรษฐกิจ ในวันศุกร์ที่ 26 สิงหาคม 2565 ณ โรงแรมไฮแอท รีเจนซี่ หัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งจะมีการรับรองปฏิญญาความมั่นคงอาหารเอเปค โดยสมาชิก 21 เขตเศรษฐกิจ

โดยไทยจะผลักดันประเด็นหลักที่จะช่วยสนับสนุนโยบายครัวไทยสู่ครัวโลก ด้านความปลอดภัยอาหาร ด้านการค้าระหว่างประเทศ ด้านการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และด้านการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนร่วมกัน

ทั้งนี้ การขับเคลื่อนความมั่นคงด้านอาหาร สิ่งที่ต้องคำนึง คือ 4 ประเด็น ได้แก่ 1) Availability : อาหารเพียงพอ 2) Access : การเข้าถึงอาหาร 3) Stability : เสถียรภาพด้านอาหาร 4) Utilization : การใช้ประโยชนจ์ากอาหาร ซึ่งแน่นอนว่าประเทศไทยมีการผลิตอาหารที่พอเพียง ส่วนประเด็นการเข้าถึงอาหาร พบว่ายังมีประชาชนบางส่วนที่ยังไม่สามารถเข้าถึงอาหารได้

ดังนั้น ภาครัฐจำเป็นต้องเพิ่มขีดความสามารถในการเข้าถึงอาหาร ด้วยการสร้างระบบอาหารชุมชน หรือธนาคารอาหาร (Food Bank) สนับสนุนเครือข่ายเพื่อการแลกเปลี่ยน/เข้าถึงอาหาร โดยเฉพาะในกรณีมีภัยพิบัติ ขณะที่มาตรการในการส่งเสริมการส่งออก ควรมีการเจรจาขยายตลาดส่งออกใหม่ ๆ จัดทำความตกลงความร่วมมือทางการค้าเสรีกับกลุ่มประเทศที่มีศักยภาพ เช่น FTA ไทย และ EU รวมทั้งเร่งส่งเสริมการส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารไปยังตลาดที่มีความต้องการนำเข้า จากช่วงวิกฤตที่บางประเทศมีการจำกัดการส่งออกสินค้าวัตถุดิบอาหาร