หุ้นอินโดเด่นสู้วิกฤต บลจ.แนะลงทุนหนีโลกผันผวน

หุ้นอินโด

ปีนี้ตลาดหุ้นอินโดนีเซียดูจะได้รับความสนใจจากบรรดานักลงทุน และผู้จัดการกองทุนต่าง ๆ อยู่ไม่น้อย แม้จะไม่เท่ากับตลาดที่ฮิตฮอตอย่างเวียดนาม หรือจีน แต่ด้วยโอกาสในการเติบโตทั้งด้านเศรษฐกิจ ปริมาณการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไปจนถึงผลตอบแทนตลาดหุ้นอินโดนีเซีย (IDX) ที่ยังคงทำผลงานดีกว่าคาด (outperform) ในปีนี้

โดย “ชญานี จึงมานนท์” นักวิเคราะห์อาวุโส บริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) กล่าวว่า กองทุนที่ลงทุนในอินโดนีเซียในปัจจุบัน ยังคงเป็นลักษณะการลงทุนที่กระจายในภูมิภาคอาเซียน และถูกจัดอยู่ในกลุ่มกองทุนประเภท ASEAN Equity (กองทุนรวมหุ้นอาเซียน) ซึ่งผลตอบแทนโดยเฉลี่ยสะสมรอบ 7 เดือนอยู่ที่ -7.9% (ข้อมูล ณ 31 ก.ค. 2565)

“การลงทุนในอินโดนีเซียของแต่ละกองทุน ยังไม่ถือเป็นสัดส่วนหลัก หรือยังอยู่ในช่วง 10-20% ขึ้นอยู่กับแต่ละกองทุน (ข้อมูลพอร์ตการลงทุน ณ 31 มี.ค. 2565) ทำให้ผลตอบแทนเฉลี่ยดังกล่าวอาจยังไม่สามารถเป็นตัวแทนแสดงผลตอบแทนจากการลงทุนในอินโดนีเซียได้อย่างชัดเจน”

ตารางหุ้นอินโด

“ชญานี” กล่าวว่า กองทุนในกลุ่ม ASEAN Equity ที่มีการลงทุนหุ้นอินโดนีเซีย เช่น กองทุน B-ASEAN จากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) บัวหลวง มีสัดส่วนอยู่ที่ 20.48% และกองทุน B-ASEANRMF จาก บลจ.บัวหลวงเช่นกัน มีสัดส่วน 20.22% ขณะที่กองทุน K-AEC ของ บลจ.กสิกรไทย มีสัดส่วน 20.90% (ดูตาราง)

ขณะที่ “วสวัตติ์ บวรเสรีผไท” ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บลจ.อีสท์สปริง กล่าวว่า ด้วยจำนวนประชากรของประเทศอินโดนีเซียที่มีมากถึง 272.25 ล้านคน มากเป็นอันดับที่ 4 ของโลก มีสัดส่วนถึง 51% อยู่ในวัยแรงงาน ทำให้มีอัตราการเติบโตและการบริโภคที่สูง โดยในช่วงเกือบ 20 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2543-2562 เศรษฐกิจ (GDP) อินโดนีเซียเติบโตเฉลี่ยถึง 5.26% เมื่อเทียบกับไทยที่มีการเติบโตเพียง 3.98%

Advertisment

“ปัจจุบันอินโดนีเซียมีการใช้นโยบายดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้เข้าลงทุนมากขึ้น และยังมีแผนการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานหลายอย่าง ทำให้มีนักลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) เข้าไปลงทุนอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังเป็นประเทศที่มีแร่นิกเกิล ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ใช้ในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ทำให้กำลังเป็นที่จับตามอง”

นอกจากนี้ เงินเฟ้อของอินโดนีเซียยังอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับอีกหลายประเทศ ทำให้ธนาคารกลางอินโดนีเซีย (BI) ยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

Advertisment

“ตลาดหุ้นอินโดนีเซียยังเป็นตลาดที่มีความสัมพันธ์กับตลาดหุ้นโลกค่อนข้างต่ำ ทำให้เหมาะกับการเพิ่มลงในพอร์ตลงทุน เพื่อกระจายความเสี่ยง โดยในปีนี้หากดูจากผลตอบแทนของตลาดหุ้น IDX ยัง outperform คือยังบวกอยู่ที่ 5.2% และมีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นถึง 5 เท่า ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา”

“อานุภาพ โฉมศรี” ผู้จัดการกองทุนและผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายการลงทุนตราสารทุน บลจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ กล่าวว่า ปีนี้จะเห็นว่าวัฏจักรของเศรษฐกิจในประเทศฝั่งเอเชีย โดยเฉพาะอาเซียนยังคงเห็นการเติบโต เนื่องจากเป็นเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัว ต่างจากฝั่งสหรัฐหรือยุโรปที่เข้าสู่ช่วงเศรษฐกิจชะลอตัวแล้ว หากดูในแง่การเติบโตในปี 2564 GDP อินโดนีเซียโตอยู่ที่ 3.7% ปีนี้ก็คาดว่าจะโตที่ 5%

“การที่ปีนี้มีปัญหาสงครามรัสเซียกับยูเครนเข้ามา ทำให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นและส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลง อย่างตลาดหุ้นสหรัฐติดลบเฉลี่ยอยู่ประมาณ 15% ตลาดหุ้นไทยติดลบ 3% แต่ตลาดหุ้นอินโดนีเซียไม่ติดลบตั้งแต่ต้นปียังบวกอยู่ที่ 6%”

นอกจากนี้ ด้วยความอุดมสมบูรณ์จากโครงสร้างของประเทศ ที่เป็นหมู่เกาะ มีการแตกตัวของเปลือกโลก การปะทุของภูเขาไฟ ทำให้อินโดนีเซียมีแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์หลายประเภท เช่น ถ่านหิน นิกเกิล ทองแดง ทำให้อินโดนีเซียเป็นฐานการผลิตที่สำคัญ และยังเป็นประเทศที่มีจำนวนประชากรในวัยแรงงานที่สูง ทำให้มีการเข้ามาลงทุนในอินโดนีเซียค่อนข้างมาก

“ในแง่ของอัตราการเติบโตของกำไรบริษัทในตลาดหุ้นอินโดนีเซีย ปีนี้นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ประเมินว่าจะเติบโตที่ 12-15% ขณะที่ด้านการประเมินมูลค่า (valuation) ถ้าคำนวณ P/E Ratio จากอัตราการเติบโตใน 1 ปีข้างหน้าจะอยู่ที่ 16 เท่า ซึ่งหากนำไปเทียบกับในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาค่า P/E อยู่ที่ 17 เท่า แสดงว่าตอนนี้เทรดต่ำกว่าค่าเฉลี่ย แต่ก็ถือว่าไม่ได้แพงมากนัก”

“อานุภาพ” กล่าวว่า หากเทียบกับตลาดหุ้นทั่วโลก ตอนนี้อินโดนีเซียถือว่าน่าสนใจ แต่ภาพของความเสี่ยงก็ยังมีอยู่ จากเศรษฐกิจโลกที่หดตัว ทำให้บรรยากาศในการลงทุนทั่วโลกเกิดผันผวน รวมถึงการที่อินโดนีเซียมีการพึ่งพาราคาสินค้าโภคภัณฑ์ค่อนข้าง
มาก หากราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ลดลง อาจทำให้รายได้ของประเทศลดลงไปด้วย

ฉะนั้น นักลงทุนที่เข้าไปลงทุนก็ต้องรับความเสี่ยงและความผันผวนตรงนี้ให้ได้