โอกาสที่ทองคำจะขึ้นต่อมีน้อยลง

ทองคำ
คอลัมน์ : สถานีลงทุน HSH
ผู้เขียน : ธนรัชต์ พสวงศ์ ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส

ในเดือนมกราคม ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องกว่า 100 ดอลลาร์ เป็นแรลลี่รับเทศกาลตรุษจีนที่มาถึงเร็วกว่าปีก่อน ๆ โดยเป็นการปรับขึ้นจาก 1,823 ดอลลาร์ มายืนเหนือระดับ 1,900 ดอลลาร์ ได้เป็นผลสำเร็จ ทำให้ผ่านมาได้แค่ 3 เดือน ราคาทองคำปรับขึ้นมาแล้วถึงกว่า 300 ดอลลาร์ เมื่อเทียบกับฐานราคาที่ 1,615 ดอลลาร์ ในช่วงเดือน ต.ค.-พ.ย. 2565

แต่เนื่องด้วยแนวโน้มของสกุลเงินดอลลาร์ที่มีทิศทางจะอ่อนค่าลงตลอดทั้งปี จึงมีนักลงทุนจำนวนไม่น้อยที่แอบหวังไว้ในใจให้ราคาทองคำขึ้นไปแตะถึง 2,000 ดอลลาร์

สำหรับมุมมองส่วนตัวของผม ผมเชื่อว่ามีความเป็นไปได้ที่ราคาจะขยับขึ้นไปแตะ หรือทะลุระดับ 2,000 ดอลลาร์ ได้ในปีนี้ แต่ก็ต้องมีปัจจัยที่เด่นชัดมากกว่าที่นักลงทุนในตลาดคาดการณ์ไปแล้วมาช่วยสนับสนุนด้วย เพราะตลาดได้ประเมินไว้ล่วงหน้าแล้วว่า ธนาคารกลางสหรัฐจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงต้นปี จะหยุดพักการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินเพื่อรอดูสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในช่วงกลางปี

และมีโอกาสจะเริ่มต้นปรับลดดอกเบี้ยลงตั้งแต่ปลายปีนี้จนถึงต้นปีหน้า เพื่อบรรเทาภาวะเศรษฐกิจถดถอย แนวโน้มอ่อนแรงลงไม่หยุดของสกุลเงินดอลลาร์

การบวกขึ้นต่อเนื่องของราคาทองคำ จึงมาจากสาเหตุนี้เป็นหลัก ซึ่งผมมองว่าตลาดได้รับรู้ และราคาได้ซึมซับประเด็นเหล่านี้ไปค่อนข้างมากแล้ว ประกอบกับข้อมูลทางสถิติที่ผมนำมาลงไว้ในบทความเดือนที่แล้ว ที่ชี้ให้เห็นว่าราคาทองคำมักเป็นบวกก่อนถึงวันตรุษจีน

โดยผมแนะนำว่านักลงทุนควรซื้อทองคำในช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค. แล้วถือมาขายในวันตรุษจีน จะมีโอกาสได้กำไรสูงกว่าการเข้าซื้อในวันตรุษจีน แล้วถือไปขายในอีก 1-2 เดือนให้หลัง

ตาราง ทองคำ

ดังนั้น ผมจึงคิดว่า ยิ่งราคาทองคำวิ่งขึ้นหนีห่างจาก 1,900 ดอลลาร์ มากเท่าไร ก็ยิ่งมีความเสี่ยงที่ตรงนั้นจะเป็นจุดจบของขาขึ้นรอบนี้มากเท่านั้น

และถ้าอิงกับข้อมูลทางสถิติอีกชุดที่เข้ากับสถานการณ์ในช่วงนี้ (ดูตาราง) ที่ผมได้รวบรวมตัวเลขราคาทองคำ spot ย้อนหลัง 28 ปี ซึ่งถือว่านานพอจะช่วยให้ตัวเลขที่ได้มีความน่าเชื่อถือ มาแจกแจงให้เห็นภาพว่า เพราะอะไรผมจึงแนะนำว่านักลงทุนควรขายทำกำไรมากกว่าจะเข้าซื้อ

จากตาราง เราจะเห็นว่าเป็นเรื่องปกติที่ราคาทองคำจะบวกขึ้นไม่เกิน 20% ในช่วงเวลา 1-3 เดือน แต่การจะขึ้นไปไกลเกินกว่านั้นในระยะเวลาที่เท่ากัน จะมีโอกาสแค่ 12% ที่ราคาจะบวกได้มากกว่า 20% ภายในระยะเวลา 3 เดือน และถ้าลดเวลาลงเป็น 2 เดือน โอกาสจะเหลือเพียงประมาณ 9% เท่านั้น ที่ราคาจะบวกได้เกิน 20%

นอกจากนี้ ข้อมูลดังกล่าวยังคิดเฉพาะการปรับขึ้นของราคา โดยไม่ได้คิดรวมโอกาสที่ราคาจะปรับตัวลดลงเข้าไปด้วย ฉะนั้นแล้ว ถึงแม้ว่าโอกาสที่ราคาขึ้นต่อจะยังมี แต่ความเสี่ยงที่ราคาจะทิ้งตัวต่ำลงก็มีมากกว่า และเมื่อโอกาสที่จะได้กำไรมีน้อยกว่าความเสี่ยงที่จะขาดทุน นักลงทุนที่ดีก็ควรลดพอร์ตและเฝ้ารอโอกาสใหม่ โดยไม่เข้าไปเสี่ยงก้มเก็บเหรียญแล้วทำแบงก์ทั้งใบหล่นหาย

แน่นอนว่าโอกาสที่เราจะเห็นราคาทองคำไปถึง 2,000 ดอลลาร์ ยังมีครับ และโอกาสที่ราคาจะย่อลึกให้เราเข้าซื้อ ผมก็คิดว่ายังมีเช่นกันครับ

สำหรับตอนนี้ กลยุทธ์ที่ดีตามความเห็นของผมคือ รอให้ราคาเข้าสู่ช่วงปรับฐานใหญ่ก่อน แล้วค่อยหาจังหวะช้อนซื้อสะสมในจังหวะที่ราคาลงแรง เพราะในเมื่อเทรนด์หลักของปีนี้ ดอลลาร์จะอ่อน และทองจะขึ้น การซื้อตอนย่อ จึงปลอดภัยและให้กำไรแก่เราได้แน่นอน และมากกว่าการไล่ซื้อตอนขึ้น จริงไหมครับ