ธนาคารทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี เผย สินเชื่อรายใหญ่หันออกหุ้นกู้ หลังต้นทุนดอกเบี้ยเพิ่ม ทำให้สินเชื่อทรงตัว 1-2% ด้านหนี้เสียต่ำ เหตุบริหารจัดการ คาดปีนี้เทขายหนี้ไตรมาสละ 1 พันล้านบาท
วันที่ 30 มิถุนายน 2566 นายปิติ ตัณฑเกษม กล่าวว่า สำหรับภาพรวมการเติบโตสินเชื่อของธนาคารปีนี้ โดยรวมจะไม่ได้เติบโตมากนัก เนื่องจากธนาคารไม่ได้มุ่งเน้นการเติบโตสินเชื่อมากนัก โดยเฉพาะสินเชื่อรายใหญ่ จะเห็นว่ามีสัญญาณตั้งแต่ปีก่อนจนถึงปัจจุบันที่มีการหันไปออกหุ้นกู้มากขึ้น
- ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล ตรวจผลรางวัล งวด 16 พ.ค. 2567
- ราคาทองเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์-ทองคำเพื่อลงทุนในไทยพุ่ง
- หวยงวด 16 พ.ค. 67 ถ่ายทอดสด ตรวจผลรางวัล ผลสลากกินแบ่งฯ วันนี้
ซึ่งมาจากทิศทางดอกเบี้ยที่ปรับเพิ่มขึ้น ทำให้ธุรกิจมองว่าต้นทุนสูง จึงหันไประดมทุนผ่านหุ้นกู้ ซึ่งตอบโจทย์ทั้งธุรกิจ และผู้ฝากเงิน ทำให้ภาพรวมสินเชื่อรายใหญ่ทั้งปีน่าจะขยายตัว 1-2% หรือทรงตัว (Flat)
ส่วนกรณีบริษัทรายใหญ่แห่งหนึ่งประสบปัญหาผิดนัดชำระหนี้ มองว่า ธนาคารมีความเข้มงวดในการพิจารณา และตรวจสอบลูกค้าอยู่แล้ว แต่ก็มีการพิจารณารายละเอียดลงลึกมากขึ้น เช่น การเข้าไปดูธุรกิจลูกค้า หรือการมีตัวตนของลูกค้า ซึ่งเป็นกระบวนการตรวจสอบเครดิต รวมถึงให้ความช่วยเหลือหากลูกค้าได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง
“ธนาคารปีนี้ไม่เน้นการเติบโตทางด้านสินเชื่อ เพราะด้วยพื้นฐานเศรษฐกิจยังไม่เอื้อ ประกอบกับบริษัทเองก็หันไประดมทุนผ่านหุ้นกู้แทน เราก็ไม่ว่ากัน และเราไปเน้นช่วยลูกค้าลดภาระผ่านการรวบหนี้ที่ทำได้ดี และสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่า เมื่อเทียบกับดอกเบี้ยรายใหญ่ที่ต่ำกว่า และแน่นอนเราคงไม่ไปบู๊ในสินเชื่อที่เราไม่เก่ง เช่น นาโนไฟแนนซ์ หรือไมโครไฟแนนซ์”
สำหรับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ไม่ได้สูงขึ้น เนื่องจากธนาคารไม่ได้ลงไปในกลุ่มทีาเปราะบาง หรือกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ธนาคารได้ชะลอปล่อยสินเชื่อในช่วงที่ผ่านมา และมีการจัดการหนี้เสียแล้วในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาเรียบร้อยแล้ว ส่วนธุรกิจรายใหญ่ก๋มีการเลือกธุรกิจมากขึ้น
ดังนั้น แผนการขายหนี้เอ็นพีแอลปีนี้จึงไม่ได้เยอะมาก เนื่องจากธนาคารมีการบริหารจัดการมาอย่างต่อเนื่อง โดยในปีก่อนธนาคารขายหนี้สินเชืาอธุรกิจราวไตรมาสละ 2 พันล้านบาท แต่ในปีนี้คาดว่าจะขายลดลงครึ่งหนึ่ง หรือเหลือประมาณไตรมาสละ 1 พันล้านบาท ทั้งนี้ ธนาคารจะพิจารณาจากราคาที่เหมาะสมเป็นหลัก
