“ลลิล” ยอดขายต้นปีแรง Q1/61 ทะลุเกิน1,000 ล้าน – เล็งออกหุ้นกู้ 1,200 ล้าน จ่ายหนี้ครบดีล

“ลลิล” ยอดขายต้นปีแรง Q1/61 ทะลุเกิน1,000 ล้าน จัดหนักรับมหกรรมบ้านแห่งรัก เล็งออกหุ้นกู้ 1,200 ล้าน จ่ายหนี้ครบดีล-ขยายโครงการใหม่มูลค่า 5 พันล้าน

“ลลิล พร็อพเพอร์ตี้” ยอดขายต้นปีแรงไตรมาส 1/61 เปิด 2 โครงการแนวราบ “คลองหลวง-เทพารักษ์” ยอดขายทะลุเกิน 1,000 ล้านบาท หวังรับรู้รายได้ มี.ค.61 นี้ แรงหนุนมหกรรมบ้านแห่งรัก เล็งออกหุ้นกู้ราว 1,000-1,200 ล้านบาท เตรียมจ่ายหนี้ครบกำหนดชำระดีล 960 ล้านบาทในปีนี้ พร้อมขยายโครงการใหม่ 8-10 โครงการ มูลค่ารวม 4,500-5,000 ล้านบาท ทั้งในกรุงเทพปริมณฑล-ต่างจังหวัด มั่นใจยอดขายสิ้นปี’61 ที่ 4,400 ล้านบาท รับรู้รายได้ 4,000 ล้านบาท เติบโตกว่า 10%

นายเสรี สินธุอัสว์ ผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน บมจ.ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ หรือ LALIN เปิดเผยการดำเนินงานให้กับนักลงทุนสัมพันธ์ที่มาร่วมงาน “Opportunity Day” ว่า ในช่วงไตรมาส 1/ 2561 บริษัทฯ ได้เปิดโครงการใหม่แล้ว 2 โครงการ เป็นโครงการแนวราบที่คลองหลวงใกล้วัดพระธรรมกายและเทพารักษ์ คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ทั้งหมดในช่วงเดือน มี.ค.61 นี้ หลังจากที่บริษัทปรับกระบวนการภายในและลงทุนด้านระบบไอทีป้องกันไม่ให้เงินจมกับโครงการใดโครงการหนึ่งมากเกินไป ผลพลอยได้ทำให้บริษัทสามารถบริหารกระแสเงินสดในมือได้คล่องตัวขึ้น เพราะจะหมุนรอบเงินลงทุนได้เร็วขึ้น ซึ่งทำให้ยอดขายช่วงไตรมาส 1/61 มียอดขายทะลุเกินกว่า 1,000 ล้านบาทไปแล้ว

โดยตลอดทั้งปีนี้บริษัทมีแผนขยายโครงการใหม่ 8-10 โครงการ มูลค่ารวม 4,500-5,000 ล้านบาท โดยจะเปิดโครงการในกรุงเทพและปริมณฑลประมาณ 6-7 โครงการ และอีก 3 โครงการในต่างจังหวัด ตั้งเป้าไว้ว่าจะเปิดโครงการไตรมาสละ 2 โครงการ โดยมีแผนเตรียมออกหุ้นกู้ 1,000-1,200 ล้านบาท อายุ 3 ปีภายในเดือนเมษายนนี้ เพื่อนำเงินไปจ่ายหนี้ที่ครบกำหนดชำระมูลค่า 960 ล้านบาท และขยายโครงการใหม่ต่อไป

“ปัจจุบันตลาดอสังหาริมทรัพย์ช่วงไตรมาสที่ 1/61 ของทุกปีจะเป็นช่วงเร่งตัวช้ากว่าไตรมาสอื่นๆ อยู่แล้ว แต่เราได้รับแรงหนุนมาจากมหกรรมบ้านแห่งรัก 2018 โดยเราตั้งเป้าไว้ว่ายอดขาย (พรีเซล) ทั้งปีจะอยู่ที่ 4,400 ล้านบาท รับรู้รายได้ 4,000 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโต 10% และรักษาอัตรากำไรขั้นต้นที่ 39.5% เนื่องจากเราควบคุมตลาดได้ ในขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นทั้งตลาดรวมอยู่ที่ 33% เท่านั้น ทั้งนี้คาดว่าแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ปีนี้เติบโตได้ 5-7% เป็นสัญญาณฟื้นตัวดีกว่าปีก่อน โดยโครงการแนวราบมีดีมานด์สูงจากผลกระทบของตลาดคอนโดมิเนียมมี Over Supply ราคาที่ดินสูง ทำให้ราคาคอนโดมิเนียมไปชนราคาโครงการแนวราบ คนจึงเริ่มหันมามองสินค้าแนวราบมากขึ้น” นายเสรีกล่าว

นายเสรี กล่าวว่า ปัจจุบันลูกค้าพอร์ตใหญ่ของบริษัทเป็นตลาดคนหนุ่มสาวที่เพิ่งเรียนจบการศึกษา (Real Demand) มีความต้องการอยากมีบ้านเดี่ยว/ทาวน์โอมในสินทรัพย์ราคาประมาณ 2-3 ล้านบาท ซึ่งเป็นตลาดหลักของบริษัทที่มุ่งเน้นอยู่แล้ว โดยส่วนใหญ่ลูกค้าเกินกว่า 95% มีความจำเป็นต้องขอสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์ ทำให้ปีนี้เราได้บริหารจัดการยอดปฏิเสธสินเชื่อให้น้อยลง จากปีก่อนอยู่ที่ 20% ตั้งเป้าในปีนี้ลดเหลือ 10% โดยตั้งทีม Financial Clinic กับทีมติดตามการขายพร้อมกับแนวโน้มหนี้ครัวเรือนที่ลดตัวลง คาดว่าทำให้ตัวเลขขายกับการโอนใกล้เคียงกันได้

โดยปัจจุบันบริษัทมีงานอยู่ในมือ (Backlog) ประมาณ 1,000 ล้านบาท คาดว่าจะรับรู้รายได้ในปีนี้ทั้งหมด นอกจากนี้มองหาทำเลที่ดินรองรับไว้บ้างแล้ว โดยจะใช้งบซื้อที่ดินราว 1,000 ล้านบาท และใช้งบการตลาด 4% ของยอดขายทั้งหมด ซึ่งปัจจุบันสัดส่วนรายได้หลักมาจากบ้านเดี่ยว/บ้านแฝด 50-55% ทาวน์โฮม 47% และคอนโดมิเนียมอีก 1% ทั้งนี้ในปีนี้ทำเลการแข่งขันยังเน้นกรุงเทพฯและปริมณฑล 75-80% ในขณะที่ต่างจังหวัดแค่ 20-25%