แอกซ่าประกันภัย ตั้งเป้าเบี้ยโตสองดิจิต หาโอกาส M&A ขึ้นท็อป 10

กลุ่มแอกซ่า (AXA Group) หนึ่งในผู้นำระดับโลกด้านการประกันภัยและการจัดการทรัพย์สิน ที่มีจำนวนพนักงานกว่า 154,000 คน เปิดให้บริการลูกค้าอยู่ทั้งหมด 50 ประเทศทั่วโลก มีฐานลูกค้ารวมกว่า 95 ล้านคน เมื่อปี 2567 กวาดรายได้รวม 110,000 ล้านยูโร มีกำไรสุทธิ 8,000 ล้านยูโร

ด้านผลการดำเนินงานของ บริษัท แอกซ่าประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ แอกซ่าประเทศไทย ในปี 2567 มีเบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 6,454 ล้านบาท เติบโต 12.9% เมื่อเทียบจากปี 2566 ขณะที่อุตสาหกรรมประกันวินาศภัยไทยทั้งระบบ มีเบี้ยรับรวม 286,458 ล้านบาท เติบโตเพียง 0.5% ล่าสุดแอกซ่าประเทศไทย ได้เปิดตัว “มร.กิลโยม มิราโบว์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่ ซึ่งเข้ามาเริ่มงานตั้งแต่เดือน มิ.ย. 2567 ที่ผ่านมา

ปี 2567 เบี้ยรวมรั้งอันดับ 14

มร.กิลโยม มิราโบว์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอกซ่าประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เป็นเวลากว่า 9 เดือนแล้ว ที่ตนเองได้เข้ามาทำงานกับแอกซ่าประเทศไทย แต่จริง ๆ ตนเองทำงานให้กับกลุ่มแอกซ่ามาเป็นเวลา 18 ปีแล้ว โดยก่อนย้ายมาประจำที่ประเทศไทย เป็นผู้บริหารอยู่ที่ประเทศเกาหลีใต้เป็นเวลา 5 ปี

สำหรับแอกซ่าประเทศไทยในปี 2567 ที่ผ่านมา ถือว่ามีผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ มีเบี้ยรับรวม 6,454 ล้านบาท เติบโต 12.9% เมื่อเทียบจากปี 2566 ที่มีเบี้ยรับรวม 5,715 ล้านบาท ขยับมาอยู่ในอันดับที่ 14 ของตลาดประกันภัยในประเทศไทย ด้วยมาร์เก็ตแชร์ 2.3% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2566 ที่มีมาร์เก็ตแชร์ 2% และหากเทียบจากปี 2563 แอกซ่าประเทศไทยมีเบี้ยประกันเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดถึง 87% โดยปี 2563 มีเบี้ยรับรวมเพียง 3,452 ล้านบาท อยู่ในอันดับที่ 22 ของตลาดประกันภัยในประเทศไทย

ประกันรถยนต์พอร์ตหลัก 53%

โดยสัดส่วนรายได้ของเบี้ยรับรวม 6,454 ล้านบาท พอร์ตหลักมาจากเบี้ยประกันภัยรถยนต์ 3,394 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 53% อยู่ในอันดับที่ 15 ของตลาด และตามมาด้วยเบี้ยประกันสุขภาพ 1,438 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 22% อยู่ในอันดับที่ 4 ของตลาด ส่วนที่เหลือมาจากเบี้ยประกันหมวดอื่น ๆ เช่น ประกันภัยทางทะเลและขนส่ง, ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล, ประกันการเดินทาง, ประกันอัคคีภัย และประกันความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน ที่มีเบี้ยรวมกัน 1,621 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 25% โดยปัจจุบันมีจำนวนสาขาในประเทศไทยทั้งหมด 13 สาขา มีตัวแทนและโบรกเกอร์มากกว่า 1,700 ราย

ทั้งนี้ปัจจัยสำคัญที่ผลักดันการเติบโตนี้มาจาก 3 แนวทางหลักคือ 1. การดำเนินงานที่ยึดลูกค้าเป็นหัวใจสำคัญ 2. การกระจายพอร์ตโฟลิโอ และ 3. ความมุ่งมั่นในการพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง

ADVERTISMENT

ตั้งเป้าโตสองดิจิต เปิดตัวประกันเดินทาง

มร.กิลโยม มิราโบว์ กล่าวต่อว่า ในปี 2568 บริษัทตั้งเป้าเบี้ยรับรวมจะเติบโตขึ้นในระดับสองดิจิต โดยจะมุ่งเน้นขยายพอร์ตประกันลูกค้ารายย่อย (Personal lines insurance) เช่น ประกันการเดินทาง ซึ่งในวันที่ 1 เม.ย. 2568 ที่จะถึงนี้ จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ชื่อว่า “สมาร์ท ทราเวลเลอร์ส ชอยส์ (Smart Traveller’s Choice)” เพื่อเพิ่มความสามารถในการเลือกสรรความคุ้มครองการเดินทางที่ตรงใจลูกค้ามากที่สุด และดำเนินการได้ผ่านช่องทางออนไลน์เพียงแค่ปลายนิ้ว ด้วยราคาที่จับต้องได้

และจะขยายพอร์ตโฟลิโอประกันสุขภาพมากขึ้น ทั้งประกันสุขภาพส่วนบุคคลและประกันสุขภาพกลุ่ม โดยปีนี้มีแผนจะเปิดตัวประกันสุขภาพสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก ในเร็ว ๆ นี้ และอยู่ระหว่างศึกษาผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพให้ลูกค้ามีส่วนร่วมจ่าย (Copayment)

ADVERTISMENT

นอกจากนี้ยังได้นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้เพื่อยกระดับประสบการณ์ลูกค้าและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ผ่านแพลตฟอร์ม “Customer Portal” ที่ช่วยให้กระบวนการเคลมสำหรับผู้ถือกรมธรรม์ประกันสุขภาพและอุบัติเหตุส่วนบุคคลเป็นเรื่องง่ายขึ้น ขณะที่ความร่วมมือกับพาร์ตเนอร์อย่าง คัฟเวอร์โก (CoverGo) ก็ช่วยให้การดำเนินการเคลมผ่านระบบออนไลน์เป็นไปอย่างราบรื่

รวมไปถึงมีแผนขยายพอร์ตประกันลูกค้ากลุ่มองค์กร (Commercial lines insurance) เช่น ประกันภัยทรัพย์สินธุรกิจขนาดใหญ่ เพื่อขยายการเติบโตที่มากขึ้นด้วย

บุกขยายงานรถอีวี

ส่วนการทำตลาดประกันรถยนต์ในปีนี้คงไม่มุ่งเน้นบุกตลาดมาก โดยโฟกัสขยายงานประกันรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และรถยนต์ไฮบริดแบบชาร์จไฟ (PHEV) และจะไม่แข่งเรื่องสงครามราคา (Price War) เนื่องจากรถยนต์สันดาปยอดขายรถยนต์ใหม่ลดลงไปมาก ตั้งแต่ปีที่ผ่านมาและลากยาวมาจนถึงปีนี้ ซึ่งกระทบต่อเบี้ยประกันรถยนต์ในตลาดโดยรวม และปัจจุบันเห็นผู้เล่นในตลาดมีการแข่งขันด้านราคากันเกิดขึ้น

“การขยายงานประกันรถอีวี เป็นแนวทางของทั้งกลุ่มแอกซ่า เพราะเป็นเทรนด์ของอนาคต แต่แน่นอนว่าการรับประกันยังค่อนข้างมีความเสี่ยงสูงอยู่ แต่เนื่องจากเรามีโครงการ One AXA ที่แต่ละประเทศมีการทำงานร่วมกัน โดยจะมีการแชร์ข้อมูลสถิติการเคลมเพื่อนำมาคำนวณเบี้ยประกันรถอีวีให้มีความเพียงพอและเหมาะสมที่สุด ขณะที่แอกซ่าประเทศจีนก็ได้มีการไปพูดคุยกับผู้ผลิตรถยนต์อีวีเป็นการเฉพาะ ซึ่งเราก็จะมีข้อมูลสถิติที่มากขึ้นในการพิจารณารับประกัน”

ปัจจุบันยอมรับว่าพอร์ตประกันรถอีวีของแอกซ่าประเทศไทยขาดทุนอยู่เล็กน้อย แต่เพราะเป็นพอร์ตของอนาคต ดังนั้นบริษัทยังคงรับประกันต่อไป แต่จะพิจารณาด้วยความระมัดระวัง โดยใช้สถิติเคลมมาพิจารณาโค้ดเบี้ยประกันให้มีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้น ส่วนถามว่าจะมีนโยบายในการปรับขึ้นเบี้ยรถอีวีีหรือไม่นั้น มองว่าจะขึ้นอยู่กับแบรนด์รถและรุ่นรถเป็นสำคัญ จึงอาจพิจารณาเป็นรายกรณี

หาโอกาส M&A ขึ้นท็อป 10

มร.กิลโยม มิราโบว์ กล่าวอีกว่า หนึ่งในเป้าหมายสำคัญของแอกซ่าประเทศไทยคือ การขยับมาร์เก็ตแชร์ขึ้นไปสู่ท็อป 10 ของอุตสาหกรรมประกันวินาศภัยไทยในอนาคต แต่ยังไม่สามารถระบุได้แน่ชัดว่าจะเป็นช่วงเวลาไหน แต่เบื้องต้นจะมาจากการเติบโตทั้งภายใน (Organic) และดูว่าหากมีโอกาสเหมาะสมในการทำดีล M&A ก็พร้อมที่จะกระโดดเข้าไป ซึ่งจริง ๆ แล้ว ในปัจจุบันธุรกิจแอกซ่าในประเทศอื่น ๆ ตอนนี้ส่วนใหญ่มีขนาดใหญ่ติดอยู่ในท็อป 5 เกือบทั้งหมด