คอลัมน์ Look Around
ผู้ประกอบการนำ-เข้าส่งออก หรือผู้ค้าขายกับหลาย ๆ ประเทศ คงจะเจอปัญหาเวลาทำธุรกรรมทางการเงินในสกุลต่างประเทศ มักมีขั้นตอนยุ่งยาก และอาจจะทำให้พลาดโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนจากอัตราดอกเบี้ยของประเทศคู่ค้า
- เรือสิงคโปร์ชนสะพานในสหรัฐ มีประวัติไม่ดีมาก่อน เรารู้อะไรแล้วบ้างตอนนี้ ?
- ราคาทองวันนี้ (29 มี.ค. 67) พุ่งกระฉูด 600 บาท ทองรูปพรรณบาทละ 39,050 บาท
- เลิกอุ้มดีเซล 30 บาท จ่อขยับเพดานราคา 2 บาท มีผล 1 เมษายน 2567
ธนาคารทีเอ็มบีจึงได้เปิดให้บริการ “บัญชีสำหรับบริหารหลายสกุลเงิน” หรือ “Multicurrency Account” เพื่อธุรกิจส่งออกที่มีการทำธุรกรรมสกุลเงินต่างประเทศ เพิ่มความสะดวก รวดเร็ว และได้รับผลตอบแทนจากอัตราดอกเบี้ย โดยตั้งเป้าจะมีธุรกิจส่งออกมาใช้บริการ 300 รายในปีแรก
“ศรัณย์ ภู่พัฒน์” หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหาร ธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบี บอกว่า ปัจจุบันการบริหารรายรับ-รายจ่ายสกุลเงินต่างประเทศมี 2 ประเภท คือ ประเภทแรก การใช้บัญชีสกุลเงินตราต่างประเทศของธนาคาร แม้จะง่ายและลูกค้าไม่ต้องเปิดบัญชีเอง แต่ลูกค้าจะไม่ได้รับดอกเบี้ย และไม่มีใบแจ้งยอดรวมรายการเดินบัญชี (statement) และประเภทที่ 2 การที่ลูกค้าเปิดบัญชีเงินตราต่างประเทศ (FCD) ของตนเอง แม้จะมีรายการเดินบัญชี และได้รับดอกเบี้ย แถมโอนเงินโดยตรงได้ทันที แต่จะใช้ได้บัญชีละ 1 สกุลเงิน และเฉพาะที่สาขาเท่านั้น ทำให้เสียเวลาในการเดินทาง และ หาสาขาเพื่อทำธุรกรรม
แต่หากเปิดบัญชี Multicurrency Account จะลดความยุ่งยากทั้งหมด เพราะบัญชีเดียวรองรับการทำธุรกรรมได้ถึง 6 สกุลเงิน (THB, USD, EUR, GBP, AUD และ JPY) แถมทำได้ทั้งการโอน แลกเปลี่ยนเงิน และเรียกดูรายการเดินบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Statement) ฯลฯ
“พิเศษสุดก็จะได้รับดอกเบี้ยตามแต่ละสกุลเงินทันที เมื่อมีเงินโอนเข้าบัญชี”
น่าจะช่วยผู้ประกอบการนำเข้า-ส่งออกให้สามารถวางแผนบริหารจัดการด้านการเงินได้ดีขึ้น แถมยังเกิดดอกผลที่ดีงามไปด้วย