เครดิตดี มีชัยไปกว่าครึ่ง

เงินบาท-ตลาดหุ้นไทย
สถานีลงทุน
สุธาสินี เฉียงขวา
สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย

ดูเหมือนว่าโควิด-19 จะอยู่กับเราไปอีกสักระยะหนึ่ง ประชาชนจึงยังคงระมัดระวังการใช้จ่าย ผู้ประกอบการบางส่วนก็ชะลอการลงทุน กิจกรรมทางเศรษฐกิจต่าง ๆ จึงยังไม่กลับเข้าสู่ภาวะปกติดีนัก

การออกหุ้นกู้ก็เช่นกัน ความต้องการลงทุนที่ลดลงในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ผู้ออกบางรายเลื่อนการออกหุ้นกู้ หันไปหาสินเชื่อธนาคาร หรือบางส่วนก็ต้องเสนอดอกเบี้ยที่สูงเพื่อจูงใจนักลงทุน ซึ่งย่อมหมายถึงต้นทุนของผู้ออกที่จะสูงขึ้นด้วย

แต่ในบางสถานการณ์แม้ว่าจะเสนอดอกเบี้ยที่สูง นักลงทุนก็ยังคงลังเลที่จะซื้อเพราะ high return ย่อมสะท้อนถึง high risk

แล้วผู้ออกจะทำอย่างไรเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุน โดยเฉพาะในสภาวะที่ตลาดมีความระมัดระวังสูง

อันดับเครดิต (credit rating) หรือเรตติ้ง ที่สะท้อนความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ของผู้ออกตราสารหนี้ เป็นสิ่งหนึ่งที่สำคัญมากสำหรับการออกหุ้นกู้ที่จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุน เพราะเรตติ้งสูง จะสะท้อนถึงความสามารถที่สูงในการจ่ายดอกเบี้ยและคืนเงินต้น หรือความเสี่ยงในการจะผิดนัดชำระต่ำ ผู้ออกก็จ่ายดอกเบี้ยคูปองที่ต่ำลง ซึ่งผู้ออกมีหลายวิธีที่จะทำให้อันดับเครดิตของหุ้นกู้สูงขึ้น

วิธีที่ผู้ออกมักใช้ในการเพิ่มอันดับเครดิตหุ้นกู้ก็คือ การจัดให้มีหลักประกันซึ่งอาจจะเป็นที่ดิน หรือสังหาริมทรัพย์ที่เฉพาะเจาะจงสำหรับการชำระหนี้หุ้นกู้รุ่นนั้น ๆ ที่เรียกว่า หุ้นกู้มีประกัน (secured bonds)

ซึ่งนักลงทุนก็ต้องพิจารณาด้วยว่า สิ่งที่ผู้ออกนำมาใช้เป็นหลักประกันได้ช่วยให้หุ้นกู้มีความปลอดภัยขึ้นจริง หากเกิดการผิดนัดชำระ เช่น มูลค่าหลักประกันผันผวนหรือสูงเกินจริงหรือไม่ และการบังคับหลักประกัน

โดยในไตรมาส 2 ที่ผ่านมานี้ หุ้นกู้กลุ่ม high yield มีสัดส่วนการออกหุ้นกู้มีประกันที่สูงขึ้นเป็น 65% ของการออกหุ้นกู้ high yield ทั้งหมด จาก 48% ในช่วงไตรมาส 2 ปีที่ผ่านมา

อีกวิธีหนึ่ง ก็คือ ผู้ออกจะจัดหาผู้ที่มีอันดับเครดิตสูง ๆ มาค้ำประกันการออกตราสารหนี้ให้ (guarantee bonds)

โดยผู้ที่ค้ำประกันจะรับผิดชอบการจ่ายเงินต้นและดอกเบี้ยแทน หากผู้ออกไม่สามารถจ่ายได้ ซึ่งส่วนมากผู้ที่จะมาค้ำประกันให้มักจะเป็นบริษัทแม่ แต่สำหรับผู้ออกที่ไม่มีบริษัทแม่ ก็มีหน่วยงานที่ให้บริการการค้ำประกันการออกหุ้นกู้ เช่น CGIF

Credit Guarantee and Investment Facility หรือ CGIF ก่อตั้งเมื่อพฤศจิกายน 2010 โดยความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิก ASEAN+3 ร่วมกับธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank หรือ ADB) เพื่อทำหน้าที่เป็นผู้ค้ำประกันการออกหุ้นกู้ทั้งในส่วนของเงินต้นและดอกเบี้ย หากผู้ออกไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามเงื่อนไขที่กำหนด

CGIF ได้รับการจัดอันดับเครดิตที่ AAA โดย RAM Rating บริษัทจัดอันดับเครดิตใหญ่ที่สุดของอาเซียน และ AA โดย S&P สถาบันจัดอันดับเครดิตระดับสากล

ดังนั้น หุ้นกู้ที่ค้ำประกันการออกโดย CGIF จึงมีโอกาสได้รับอันดับเครดิตสูงขึ้นถึง AAA

ล่าสุดเมื่อเดือนธันวาคม 2019 CGIF ค้ำประกันการออกหุ้นกู้ของบริษัทในอาเซียนไปแล้วกว่า 35 บริษัท คิดเป็นมูลค่าสูงถึง 6.5 หมื่นล้านบาท

สำหรับผู้ออกในไทยก็มีหลายบริษัทที่ได้ให้ CGIF ช่วยค้ำประกันหุ้นกู้ให้ เช่น บริษัท Siamgas and Petrochemicals Public Company Limited จากอันดับเครดิตเดิมที่ BBB+/TRIS เป็น A/+/TRIS เมื่อปี 2018 จากการค้ำประกันของ CGIF

บริษัท Boonthavorn Ceramic 2000 Co., Ltd. จากเดิมที่ไม่ได้จัดอันดับเครดิต ก็ขยับขึ้นเป็น AA+/TRIS เมื่อปี 2018

และล่าสุด มกราคม 2020 ที่ผ่านมา บริษัท Thaifoods Group Public Company Limited จากเดิมมีอันดับเครดิต BBB- ก็เป็น AAA/TRIS จากการค้ำประกันของ CGIF

นอกจาก CGIF แล้ว ในต่างประเทศก็มีหน่วยงานลักษณะเดียวกัน เช่น สหรัฐอเมริกา มีบริษัท Assured Guaranty Ltd ก่อตั้งในปี 1971 เป็นบริษัทเอกชนขนาดใหญ่ที่สุดที่ให้บริการการค้ำประกันการออกตราสารหนี้ที่ถือเป็นต้นแบบของธุรกิจการค้ำประกันของโลก ปัจจุบันดำเนินการทั้งในสหรัฐ และมีสาขาทั่วโลก

นอกจากนี้ เกาหลีใต้มี Korea Credit Guarantee Fund (KODIT) เป็นสถาบันการเงินของรัฐที่ทำหน้าที่ค้ำประกันการขอสินเชื่อและการออกหุ้นกู้ ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1976

และมาเลเซีย มี Danajamin Nasional Berhad เป็นหน่วยงานของรัฐที่ทำหน้าที่ค้ำประกันการออกหุ้นกู้ในประเทศ ซึ่งจัดตั้งขึ้นภายหลังการเกิดวิกฤตการเงินของโลกในปี 2009

การค้ำประกันหุ้นกู้ช่วยให้ผู้ออกที่มีอันดับเครดิตไม่สูงสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้กว้างขึ้น ระดมเงินทุนได้ด้วยต้นทุนที่เหมาะสม

และที่สำคัญ ในยามที่โควิด-19 ยังไม่ไปไหน การค้ำประกันการออกหุ้นกู้น่าจะช่วยสร้างความมั่นใจและเป็นประโยชน์ต่อนักลงทุน บริษัทธุรกิจต่าง ๆ ที่มีศักยภาพแต่ยังไม่เติบใหญ่ในวันนี้ จะได้มีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อนำไปต่อยอดธุรกิจให้เติบโตเข้มแข็งได้ในอนาคต

ซึ่งก็น่าจะถึงเวลาที่ธุรกิจไทยจะมีผู้ให้การค้ำประกันหุ้นกู้สัญชาติไทย เพื่อให้บริการธุรกิจไทยได้อย่างทั่วถึง


อย่างที่ในต่างประเทศเรียกว่า monoline insurance