แจง”เงินคงคลัง”ปึ้ก3แสนล้าน ปิดหีบงบฯปี’63ไม่”ถังแตก”

ประสงค์ พูนธเนศ-ปลัดคลัง

ปลัดคลังยันปิดหีบงบฯปี”63 เงินคงคลังยังปึ้กมีกว่า 3 แสนล้านบาท ย้ำ “ถังไม่แตก” เชื่อปีหน้าสถานการณ์เศรษฐกิจดีขึ้นหนุนรายได้รัฐฟื้น ฟากอธิบดีสรรพากรจ่อถก สศค. ปรับเป้าเก็บรายได้ปี”64 ชี้ต้องสอดคล้องกับภาพรวมเศรษฐกิจ หลังได้รับเป้า 2.085 ล้านล้านบาท

นายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เงินคงคลังของรัฐบาลขณะนี้มีเหลือกว่า 3 แสนล้านบาท โดยการจัดเก็บรายได้ แม้จะต่ำกว่าเป้าหมายเดิมที่วางไว้ แต่ก็ยังเป็นไปตามที่คาดการณ์ เพราะแม้รายได้บางส่วนจะลดลง ก็มีรายได้บางส่วนเพิ่มสูงขึ้น เช่น รายได้ของรัฐวิสาหกิจที่จัดเก็บได้สูงกว่าเป้า ดังนั้น รัฐไม่ถังแตกแน่นอน โดยถึงสิ้นปีงบประมาณ 2563 นี้ จะสามารถปิดหีบได้แน่นอน ส่วนแนวโน้มปีหน้าเชื่อว่าสถานการณ์เศรษฐกิจจะดีขึ้นกว่าปีนี้ เนื่องจากการท่องเที่ยวจะกลับมา และหากมีวัคซีนป้องกันโควิด-19 เข้ามา ประชาชนก็จะมีภูมิคุ้มกันมากขึ้น ซึ่งเมื่อไม่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ก็จะทำให้รายได้ด้านการท่องเที่ยวของไทยกลับมาได้

“เงินคงคลังเหลืออยู่เยอะ การจัดเก็บรายได้ปีนี้จะปิดหีบได้แน่ ยืนยันว่าถังไม่แตก เพราะถังยังดีอยู่ ส่วนที่สรรพากรเลื่อนเก็บภาษีก็จะมีรายได้เข้ามาช่วง ส.ค.-ก.ย. และคาดว่าปีหน้าสถานการณ์จะดีกว่าปีนี้ ถ้าการท่องเที่ยวเปิด ส่วนการจัดเก็บรายได้ในปีงบประมาณ 2564 ก็ยังเป็นไปตามเป้าที่แจ้งต่อสภาผู้แทนราษฎรไป ซึ่งหากในอนาคตท่องเที่ยวกลับมา รายได้ก็จะกลับเข้ามาได้ โดยต้องทำยังไงให้คนที่ไม่ติดโควิดมาเที่ยวไทยให้ได้ ซึ่งต้องดูหลายทาง ดูเรื่องรายได้อย่างเดียวไม่ได้”

ก่อนหน้านี้ คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติให้กระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อรองรับกรณีรายจ่ายสูงกว่ารายได้ วงเงิน 214,093 ล้านบาท เพื่อเตรียมการรองรับการใช้จ่ายของรัฐบาลในช่วงต้นปีงบประมาณ 2564 โดยกระทรวงการคลังคาดว่า ระดับเงินคงคลัง ณ สิ้นปีงบประมาณ 2563 จะอยู่ในระดับที่เพียงพอรองรับการเบิกจ่ายของหน่วยงานภาครัฐ และการดำเนินมาตรการที่จำเป็นในการฟื้นฟูเศรษฐกิจในระยะต่อไป

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า ในเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา กรมสรรพากรสามารถจัดเก็บรายได้ได้เกินเป้าหมายกว่า 3.5 หมื่นล้านบาท แม้จะมีมาตรการขยายเวลาชำระภาษีให้ผู้เสียภาษีจนถึงเดือน ส.ค. อย่างไรก็ดี มองว่าการจัดเก็บรายได้ในปีนี้ไม่สามารถเปรียบเทียบกับปีงบประมาณอื่น ๆ ได้ เนื่องจากเป็นปีที่ไม่ปกติ เพราะมีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ขณะที่กรมก็มีนโยบายเร่งคืนภาษี เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับประชาชน และระบบเศรษฐกิจด้วย โดยที่ผ่านมาได้เร่งคืนภาษีให้กับบุคคลธรรมดาไปแล้วกว่า 3.5 หมื่นล้านบาท

“รายได้ปีงบประมาณ 2563 กรมจะสามารถจัดเก็บได้เท่าไหร่นั้นจะต้องรอติดตาม เนื่องจากภาษีเงินได้นิติบุคคลครึ่งปี หรือ ภ.ง.ด.51 ประจำปี 2563 จะเข้ามาในช่วงเดือน ก.ย.นี้ ตอนนี้ยังไม่เห็นตัวเลข ผู้เสียภาษีส่วนใหญ่จะยื่นแบบกันใกล้ ๆ วันสุดท้าย”

อธิบดีกรมสรรพากรกล่าวด้วยว่า สำหรับการเก็บรายได้ปีงบประมาณ 2564 สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) จะมีการประชุมหารือถึงเป้าหมายการจัดเก็บรายได้อีกครั้งในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งจะต้องรอให้สิ้นสุดปีงบประมาณ 2563 ก่อน อย่างไรก็ดี การตั้งเป้าจัดเก็บรายได้จะต้องพิจารณาประกอบกับภาพรวมเศรษฐกิจด้วย ซึ่งเดิมกรมได้รับเป้าหมายจัดเก็บรายได้ที่ 2.085 ล้านล้านบาท จากคาดการณ์เศรษฐกิจขยายตัวที่ระดับ 4-5% ทั้งนี้ หากในปีหน้าสถานการณ์เศรษฐกิจดีขึ้นตามการคาดการณ์ กรมก็คาดว่าจะสามารถจัดเก็บได้ตามเป้าหมาย

เมื่อวันที่ 15 ก.ย. กรมสรรพากรได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ โครงการพัฒนาระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัลภาครัฐ (digital ID) กับทางสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน), สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.), สมาคมธนาคารไทย, สมาคมสถาบันการเงินของรัฐ, บริษัท เนชั่นแนลดิจิทัลไอดี จำกัด, กรมพัฒนาธุรกิจการค้า, กรมที่ดิน, สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) และกองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เพื่อยกระดับการให้บริการดิจิทัลของภาครัฐร่วมกัน