สัปดาห์หน้า(18-22 ม.ค.64) จะเข้าสู่ช่วงประกาศงบการเงินกลุ่มธนาคารงวดไตรมาส 4/63 เริ่มด้วย TISCO ในวันที่ 18 ม.ค.64 และตามด้วย KKP ในช่วงวันที่ 18-19 ม.ค.64 ก่อนจะถึงคิวของแบงก์ขนาดใหญ่ในวันที่ 20-21 ม.ค.64 ซึ่งฝ่ายวิจัยเอเซียพลัสคาดกำไรสุทธิกลุ่มฯ (8 ธนาคาร) งวดไตรมาส 4/63 อยู่ที่ 26,363 หมื่นล้านบาท ลดลง 9.4% จากเดือนก่อนหน้า และหดตัว 36.3% จากช่วงเดียวกันปีก่อน บนสมมติฐานต้นทุนความเสี่ยงของสินเชื่อที่ไม่ได้รับการชำระคืนเงินต้น(Credit Cost) กลุ่มฯ อย่างอนุรักษ์นิยมสูงขึ้นมาที่ 1.94% จาก 1.87% ในงวดก่อน
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายทหาร 3 ราย
- ราคาทองวันนี้ (24 เม.ย. 67) พุ่งขึ้น 250 บาท ทองรูปพรรณ 41,100 บาท
ภาพรวมฝ่ายวิจัยประเมินกำไรสุทธิกลุ่มปี 2563 อยู่ที่ 1.3 แสนล้านบาท ชะลอตัว 34% จาก 1.97 แสนล้านบาทในปี 2562 ก่อนจะเริ่มไต่ระดับขึ้นเป็น 1.4 แสนล้านบาทในปี 2564 และเพิ่มสู่ 1.53 แสนล้านบาทในปี 2565 ตามแนวโน้ม Credit Cost ที่จะทยอยลดลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป หลังแบงก์ส่วนใหญ่เริ่มตั้งสำรองล่วงหน้าแล้วในปี 2563 เพื่อรองรับปัญหาคุณภาพสินทรัพย์ โดยเฉพาะกลุ่มลูกหนี้ที่เข้ามาตรการช่วยเหลือที่ได้รับการปรับโครงสร้างหนี้ไปแล้ว
แนะนำเท่าตลาด กลุ่มฯ ซื้อขายบนราคาหุ้นต่อมูลค่าทางบัญชี(P/BV) เฉลี่ยราว 0.7 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 12 ปีเกือบ 2 SD ในขณะที่แนวโน้มอัตราส่วนระหว่างกำไรสุทธิกับส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) กลุ่มฯ ทยอยฟื้นตัว ตามคาดการณ์กำไรกลุ่มฯ ที่เริ่มฟื้นตัวตั้งแต่ปี 2564 หนุน PBV ซื้อขายสูงขึ้น ประกอบกับทิศทางเงินทุนต่างชาติยังไหลเข้าต่อเนื่อง เป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นในกลุ่มฯ โดยเฉพาะแบงก์ที่ยังมีช่องว่างให้ NVDR เข้า อย่าง SCB(FV@B102), KBANK(FV@B126)
สำหรับตัวเลือกทางพื้นฐานยังชอบแบงก์ที่มีงบแสดงฐานะการเงินแข็งแกร่ง อย่าง TISCO(FV@B95) แม้ราคาปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง จนเต็ม FV แต่คาดหวังอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลปี 2563 ราว 4% และปี 2564 อีก 7% รวมเป็น Total Expected Return ราว 11% ตามด้วย BBL(FV@B154) จากพอร์ตโครงสร้างสินเชื่อรายใหญ่
