Index Living Mall ปี’63 กำไร 421 ล้านบาท ประกาศปันผล 0.42 บาท/หุ้น

Index Living Mall

ILM ปี’63 คว้ากำไร 421 ล้านบาท อานิสงส์ยอดซื้อออนไลน์-ธุรกิจ OEM เติบโตต่อเนื่อง เตรียมเสนอจ่ายเงินปันผลผู้ถือหุ้น 0.42 บาท/หุ้น 23 เม.ย.นี้ ชูจุดแข็งจ่ายปันผลเป็นประจำตั้งแต่เข้ามาระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ

นางสาวกฤษชนก ปัทมสัตยาสนธิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ ILM เปิดเผยผลการดำเนินการไตรมาส 4/2563 ว่า แม้มีการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ส่งผลให้หน่วยงานภาครัฐประกาศมาตรการคุมเข้มเพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในหลายจังหวัด โดยการเติบโตของรายได้รวมอยู่ที่ 2,128 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 143 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้น 1.7% เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยภาพรวมปี 2563 บริษัทฯ มีรายได้รวม 8,198 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 421 ล้านบาท

ในไตรมาส 4/2563 บริษัทฯ มีอัตรากำไรขั้นต้นจากการขาย 45.4% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 41.4% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน หลังดำเนินการปรับกลยุทธ์มุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ควบคู่ไปกับการจัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขายที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ขณะที่อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 6.7% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 5.4% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน หลังบริษัทฯ เดินหน้าควบคุมค่าใช้จ่ายในทุกด้านได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง

นางสาวกฤษชนก กล่าวอีกว่า แม้ในช่วงสถานการณ์ที่ยังค่อนข้างยากลำบาก บริษัทฯ สามารถบริหารสภาพคล่องได้อย่างแข็งแกร่ง ชำระคืนเงินกู้ระยะยาวสถาบันการเงินนับจากต้นปีรวม 1,502 ล้านบาท ซึ่งเป็นการชำระคืนก่อนกำหนด 1,156 ล้านบาท โดยที่ผ่านมา บริษัทฯ สามารถจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้อย่างต่อเนื่องนับจากเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อวันที่ 26 ก.ค.62

ล่าสุด บริษัทฯ ประกาศจ่ายเงินปันผลสำหรับรอบผลประกอบการปี 2563 ในอัตราหุ้นละ 0.42 บาท โดยจะนำเสนอขออนุมัติต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 23 เม.ย.64 ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้ว 0.15 บาท ต่อหุ้น คงเหลือที่ต้องจ่ายผู้ถือหุ้นเพิ่มอีก 0.27 บาทต่อหุ้น

สำหรับแนวโน้มปี 2564 บริษัทฯ เชื่อมั่นว่า หลังประชาชนทยอยได้รับวัคซีนโควิด-19 รัฐบาลจะเริ่มเปิดประเทศรับชาวต่างชาติ ซึ่งจะช่วยหนุนให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัว ความมั่นใจของผู้บริโภคและกำลังซื้อจะเริ่มกลับมาดีขึ้น และเศรษฐกิจภายในประเทศจะสามารถฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้ยอดขายของสาขาพลิกกลับมาเติบโตได้ รวมถึงช่องทางออนไลน์ที่จะยังเป็นหนึ่งในกำลังหลักในการผลักดันการเติบโตของยอดขาย


นอกจากนี้ ธุรกิจรับผลิตสินค้า (OEM) ที่มีแนวโน้มสดใสจะยังคงเติบโตได้สูงในปีนี้ หลังบริษัทฯ ได้รับคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น เนื่องจากอานิสงส์ของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน ซึ่งจะช่วยสนับสนุนยอดขายของบริษัทฯ ให้สามารถกลับมาเติบโตได้อย่างมั่นคง ในขณะที่บริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะรักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้อยู่ในระดับสูงต่อไป รวมถึงควบคุมค่าใช้จ่ายในทุกด้านอย่างมีประสิทธิภาพ และบริหารจัดการปริมาณสินค้าคงเหลือให้อยู่ในระดับต่ำอย่างเหมาะสม ซึ่งจะช่วยหนุนผลประกอบการของบริษัทฯ ให้กลับไปอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปี 2562 ซึ่งเป็นช่วงก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19 ได้