สวนกระแสโควิด “มาดามแป้ง” เข็น “เมืองไทยประกันภัย” กำไรปี’63 โตเกือบ 39%

” เมืองไทยประกันภัย” โชว์เบี้ยประกันปี’63 สูงถึง 14,725 ล้านบาท เติบโต 10.3% ปิดกำไรสุทธิ 590.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38.8% หลังบริหารต้นทุนการขาย-การดำเนินงานเหมาะสม

นางนวลพรรณ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เมืองไทยประกันภัย(MTI) เปิดเผยว่า ในปี 2563 บริษัทมีเบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 14,725 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.3% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน เป็นผลมาจากกลยุทธ์การกำหนดสัดส่วนผลิตภัณฑ์ระหว่างการประกันภัยรถยนต์(Motor) และการประกันภัยที่ไม่ใช่รถ(Non-Motor) ได้อย่างเหมาะสม โดยมีการเติบโตต่อเนื่องของประกันรถยนต์ทั้งภาคสมัครใจและภาคบังคับ(พ.ร.บ.) ที่มีการเติบโตกว่า 13.8%

นางนวลพรรณ ล่ำซำ
นางนวลพรรณ ล่ำซำ

นอกจากนี้มีเบี้ยประกันสุขภาพที่ขยายตัวสอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค รวมทั้งการประกันอัคคีภัยและประกันภัยทรัพย์สิน ที่ยังเติบโตได้ดีแม้สถานการณ์จะไม่เอื้ออำนวย แต่บริษัทเน้นนโยบายการรักษาฐานลูกค้าเดิมได้อย่างดีที่สุด สิ่งสำคัญที่สุดที่บริษัทมีการเติบโตในสภาวะเช่นนี้ได้นั้น เกิดจากการบริหารจัดการที่ดีสามารถเตรียมความพร้อมรับมือในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยี รวมไปถึงการบริหารจัดการด้านประกันภัยต่อ และที่ขาดไม่ได้คือการปรับตัวอย่างรวดเร็วและความร่วมมือของพนักงานเมืองไทยประกันภัยทุกคน

ทั้งนี้เบี้ยประกันที่ถือเป็นรายได้มีจำนวน 7,559 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 9.5% จากปีก่อน หรือราว 656 ล้านบาท นอกจากนี้รายได้ค่าจ้างและบำเหน็จก็ยังเพิ่มขึ้น 282.8 ล้านบาท สืบเนื่องมาจากการเอาประกันภัยต่อที่เพิ่มขึ้นตามยอดขายที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ในส่วนกำไรและรายได้จากการลงทุนมีจำนวนสูงถึง 375 ล้านบาท ในด้านกำไรสุทธิของบริษัทมีจำนวน 590.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38.8% เป็นผลมาจากการบริหารต้นทุนในการขายและการดำเนินงานให้เหมาะสมและสมดุลกับรายได้ที่เกิดขึ้น

นางนวลพรรณ กล่าวต่อว่า ในปีที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าเป็นความยากลำบาก ในการใช้ชีวิต และการทำงานของทุกภาคส่วน แต่นับเป็นข้อดีที่ทำให้เราทุกคนต้องใช้สติในการดำเนินชีวิตทุกด้าน เมืองไทยประกันภัย ได้ใช้โอกาสในห้วงแห่งความยากลำบากนี้บริหารจัดการภายในบริษัท ในทุกๆ ด้านให้สอดรับกับความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว เพราะหากหยุดนิ่งจะเท่ากับถอยหลังในทันที นี่คือสิ่งที่ย้ำกับผู้บริหารและพนักงานอย่างสม่ำเสมอ และที่สำคัญปีที่ผ่านมาเป็นปีที่ได้รู้จักและซาบซึ้งกับคำว่า “กำไรทางใจ” เพราะนอกจากจะต้องบริหารงานให้ได้กำไรเพื่อตอบแทนผู้มีส่วนได้เสียแล้ว ยังได้กำไรทางใจจากการช่วยเหลือสังคมในหลายๆ โครงการอีกด้วย