นักลงทุนต่างชาติ ขายหุ้นไทยครึ่งปีแรกเกือบ 8 หมื่นล้าน

ตลาดหุ้นไทย

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เผยดัชนี SET Index ครึ่งปีแรกของปี 64 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 9.6% สูงกว่าค่าเฉลี่ยตลาดหุ้นในภูมิภาค นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยรวม 77,817 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนรายย่อยพยุง SET ซื้อสุทธิรวม 111,276 ล้านบาท

วันที่ 7 กรกฎาคม 2564 นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ช่วง 6 เดือนแรกปีนี้ (ม.ค.-มิ.ย. 64) ดัชนี SET Index ยังปรับเพิ่มขึ้นกว่า 9.6% เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2563 โดยสิ้น มิ.ย.64 ดัชนีปิดที่ 1,587.79 จุด ลดลง 0.4% จากสิ้นเดือนก่อนหน้า อย่างไรก็ตามในช่วง 6 เดือนแรกถือว่าการปรับเพิ่มขึ้นสูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหุ้นในภูมิภาค

โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีกว่า SET Index ได้แก่ กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม, กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร, กลุ่มเทคโนโลยี, กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค, กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง ทั้งนี้เริ่มเห็นสัญญาณการปรับเพิ่มขึ้นของราคาหลักทรัพย์บางกลุ่มที่สูงกว่าผลการดำเนินงานในอดีตค่อนข้างมาก ซึ่งผู้ลงทุนควรพิจารณาข้อมูลพื้นฐานเป็นรายหลักทรัพย์และกระจายความเสี่ยงในการลงทุน

นายศรพลกล่าวต่อว่า ตลาดหุ้นไทยได้รับปัจจัยบวกจากหลายปัจจัย โดยเฉพาะเรื่องของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ชัดเจนยิ่งขึ้น รวมถึงค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงต่ำสุดในรอบ 13 เดือน ซึ่งเป็นผลมาจากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น ทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในบางหมวด เช่น โลหะ, ทองแดง, เหล็ก, ปรับตัวลดลง ซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ตัวเลขการส่งออกของไทยเติบโตกว่า 41.59%

Advertisment

โดยในเดือน มิ.ย. 64 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน SET และ mai อยู่ที่ 97,121 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.5% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน (mom) โดยใน 6 เดือนแรกปีนี้มีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 98,328 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 47.6% จากช่วงเดียวกันปีก่อน (YOY)

ขณะที่สถานการณ์เม็ดเงินลงทุนต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) ยังขายสุทธิต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 โดยในเดือน มิ.ย.พบว่านักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 10,947 ล้านบาท โดยช่วง 6 เดือนแรกปีนี้ขายสุทธิรวม 77,817 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนรายย่อยมีสถานะซื้อสุทธิ 111,276 ล้านบาท

นอกจากนี้ตั้งแต่เดือน ก.พ. 63 ที่มีการแพร่ระบาดโควิด-19 นักลงทุนในประเทศมีสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายสูงสุดต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 16 โดยเดือน มิ.ย. 64 คิดเป็น 47.18% ของมูลค่าการซื้อขายรวม ลดลงเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้าที่ 48.53%

ทั้งนี้ในเดือน มิ.ย.มีบริษัทเข้าจดทะเบียนซื้อขายใหม่ใน mai จำนวน 1 บริษัท และในช่วง 6 เดือนแรกปีนี้มีมูลค่าระดมทุน (IPO) สูงที่สุดเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่นๆ

Advertisment

ส่วน Forward และ Historical ของอัตราส่วนราคาต่อกำไรหุ้น (P/E) ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ณ สิ้นเดือน มิ.ย.อยู่ที่ระดับ 19.0 เท่า และ 29.8 เท่า (ตามลำดับ) สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหุ้นในเอเชีย ซึ่งอยู่ที่ระดับ 15.2 เท่า และ 22.4 เท่า (ตามลำดับ) ขณะที่อัตราเงินปันผลตอบแทน(Dividend Yield) อยู่ที่ระดับ 2.34% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหุ้นในเอเชียซึ่งอยู่ที่ 2.24%

นายศรพล  กล่าวต่อว่า โดยตลอดระยะเวลาของการเกิดการระบาดโควิด-19 บริษัทหลายๆ แห่งเริ่มมีแผนรองรับและมีการปรับตัวที่ดีขึ้นตามสถานการณ์ ซึ่งมีบริษัทประมาณ 40% ที่มีการส่งออก หรือทำกิจกรรมทางธุรกิจกับต่างประเทศ ซึ่งบริษัทที่ได้มีโอกาสเข้าร่วมกับประเทศที่มีการฟื้นตัวได้เร็วก็จะได้รับอานิสงค์จากส่วนนี้ ทำให้ในครึ่งปีหลังนี้นอกจากปัจจัยเรื่องการระบาดโควิด-19 คงต้องมองถึงเรื่องของการประกอบกิจการ และการปรับตัวของบริษัทต่างๆ รวมไปถึงการเชื่อมโยงในการทำธุรกิจกับบริษัทในต่างประเทศด้วย

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลท.กล่าวว่า ในครึ่งปีหลังคาดว่าจะมีบริษัทเข้ามาจดทะเบียนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งที่ผ่านมาในแต่ละปีจะมีบริษัทเข้ามาจดทะเบียนเฉลี่ยปีละ 40-50 บริษัท โดยในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาได้มีบริษัทเข้ามาจดทะเบียนแล้วกว่าครึ่งของค่าเฉลี่ย ดังนั้น โดยช่วงที่น่าจับตามากที่สุดจะเป็นในช่วงไตรมาส 4 เป็นช่วงที่มีบริษัทเข้ามาจดทะเบียนมากที่สุด ขณะที่มูลค่าการระดมทุน (IPO) ในมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด(Market Cap) เดือนมิถุนายนอยู่ที่ 2.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในขณะที่ปีที่แล้วมีทั้งหมดประมาณ 6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ถือเป็นอันดับ 1 ในระดับภูมิภาค และเป็นอันดับ 3 ในระดับเอเชีย และเป็นอันดับ 8 ในระดับโลก และคาดว่าในปีนี้จะมีปริมาณการระดมทุน(IPO) ตลอดทั้งปีอยู่ในระดับเดียวกันกับปีก่อน