คปภ. ใช้กฏหมาย ห้าม “สินมั่นคง” ยกเลิกกรมธรรม์ลูกค้า

สำนักงาน คปภ. ใช้อำนาจกฎหมาย มาตรา 29 วรรค 2 พ.ร.บ.ประกันวินาศภัย ห้าม “สินมั่นคงประกันภัย” ยกเลิกกรมธรรม์ลูกค้า

วันที่ 16 กรกฎาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานกรณี บริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) ออกหนังสือ บอกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยการติดเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) ระบุว่า สืบเนื่องจากการระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 อันเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินที่ทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง และมีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นในอัตราที่สูง

ส่งผลให้ สินมั่นคงประกันภัย ต้องบริหารความเสี่ยงให้มีประสิทธิภาพ และจำเป็นต้องใช้สิทธิบอกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยการติด เชื้อไวรัสโคโรนาแบบ เจอ จ่าย จบ หรือ COVID 2 in 1 ตามแบบและข้อความ หมวดที่ 2 เงื่อนไขทั่วไป และข้อกำหนด ข้อ 2.4.3 และข้อ 2.5.1 โดยให้กรมธรรม์ประกันภัยข้างต้นสิ้นสุดความคุ้มครองทั้งฉบับ เมื่อล่วงพ้นกำหนด 30 วัน นับแต่วันที่ผู้เอาประกันได้รับหนังสือเป็นต้นไป

ล่าสุด นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย(คปภ.) เปิดเผยว่า คปภ.ได้มีคำสั่งนายทะเบียน เรื่อง ให้ยกเลิกเงื่อนไขการใช้สิทธิบอกเลิกกรมธรรม์ประกันภัย ในกรมธรรม์ประกันโควิด สำหรับบริษัทประกันวินาศภัย ตามที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิดไปทั่วโลกและประเทศไทย ตามมาตรา 29 วรรค 2 แห่งพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ.2535 ในฐานะนายทะเบียน จึงออกคำสั่งดังต่อไปนี้

ให้ยกเลิกเงื่อนไขการใช้สิทธิบอกเลิกกรมธรรม์ประกันภัย โดยบริษัทสำหรับกรมธรรม์ประกันภัย COVID-19 ที่บริษัทได้รับความเห็นชอบจากนายทะเบียน และกรมธรรม์ประกันภัย COVID-19 ที่บริษัทได้ออกให้แก่ผู้เอาประกันภัยก่อนวันที่มีคำสั่งนี้ และยังคงมีผลใช้บังคับ เว้นแต่ปรากฎหลักฐานชัดเจนต่อบริษัทว่าผู้เอาประกันภัยได้กระทำการทุจริตหรือฉ้อฉลประกันภัยเพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้รับประโยชน์จากการประกันภัยนี้ ทั้งนี้มีผลตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

ซึ่งหมายความว่า กรมธรรม์ประกันภัยโควิดที่ยังไม่หมดอายุจะได้รับความคุ้มครองตามเงื่อนไขของกรมธรรม์ประกันภัยต่อไปจนกว่าจะหมดอายุความคุ้มครอง โดยที่บริษัทประกันภัยจะไม่สามารถบอกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยได้ตามอำเภอใจ

“การออกคำสั่งนี้เป็นกรณีที่นายทะเบียนเห็นสมควร เนื่องจากเป็นเรื่องที่กระทบต่อพี่น้องประชาชนผู้เอาประกันโควิดเป็นวงกว้าง ทั้งส่งผลต่อความเชื่อมั่นของระบบประกันภัยไทย รวมทั้งมีการใช้มาตรการอย่างอื่นแล้วไม่เป็นผล จึงจำเป็นต้องใช้มาตรการทางกฎหมายดำเนินการโดยเร่งด่วนเพื่อมิให้ปัญหาลุกลามบานปลาย

โดยที่คำสั่งดังกล่าวจะมีผลกับบริษัทประกันวินาศภัยทุกบริษัท จึงไม่มีการเลือกปฏิบัติ ซึ่งต่อไปจะได้หารือกันเพื่อให้มีการปรับปรุงเงื่อนไขการบอกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยให้เกิดความเป็นธรรมแก่ผู้บริโภคยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ คปภ.จะติดตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด และขอให้ประชาชนมั่นใจต่อระบบประกันภัย สามารถใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงได้ในทุกสถานการณ์ หากไม่ได้รับความเป็นธรรมเรื่องประกันภัย หรือต้องการข้อมูลด้านประกันภัยเพิ่มเติม สอบถามได้ที่สายด่วน คปภ. 1186 หรือ Add Line Official @oicconnect” เลขาธิการ คปภ. กล่าวในตอนท้าย