ทำความรู้จัก convertCASH พลิกโฉมบริการการเงิน “ไม่ต้องกู้-ไม่มีดบ.”

หลายคนคงเคยประสบปัญหา “เงินชอร์ต” ขาดสภาพคล่องทางการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะวิกฤตโควิด-19 ที่เข้ามากระทบรายได้เช่นนี้

อย่างไรก็ดี ขณะนี้มีนวัตกรรมทางการเงินเเนวใหม่ จาก “convertCASH” สตาร์ตอัพฟินเทคดาวรุ่งที่เข้ามาช่วยให้ผู้ใช้สามารถ “ขยายเวลา” จ่ายบิลส่วนตัวและบิลธุรกิจออกไปได้อีกถึง45 วัน โดย “ไม่ต้องกู้และไม่มีดอกเบี้ย” ใด ๆ ทั้งสิ้น

เป็นบริการบนเเพลตฟอร์มที่เรียกว่า “จ่ายบิลรายเดือนทีหลัง” (MBPL) ขับเคลื่อนโดยปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งเชื่อมต่อกับระบบจ่ายรางวัล Global Cash Reward

ทั้งนี้ convertCASH มีสำนักงานใหญ่ในสิงคโปร์ โดยปี 2563 ที่ผ่านมามีการเปิดตัวแพลตฟอร์มนี้ในประเทศมาเลเซีย ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยจะเดินหน้าต่อยอดเจาะตลาดในออสเตรเลีย อินโดนีเซีย

เเละจะขยายไปยังฮ่องกง ไต้หวัน ญี่ปุ่น เวียดนาม รวมถึงเข้ามาเจาะตลาดในประเทศไทยปีนี้

โดย “ลักษมีกานต์ อิงคะกุล” ทายาทของ “อัศวิน อิงคะกุล” แห่ง มิราเคิล กรุ๊ป ผู้ร่วมก่อตั้ง convertCASHThailand อธิบายคอนเซ็ปต์ง่าย ๆ ของเเพลตฟอร์มนี้ว่า convertCASH

เป็นนวัตกรรมการเงินที่จะเข้ามาช่วยเหลือคนที่ติดขัดเรื่อง “เงินสด” กลุ่มคนที่มีความจำเป็นจะต้องนำเงินสดไปจ่ายบิลรายเดือน เช่น การผ่อนรถผ่อนบ้าน ค่าสาธารณูปโภค ค่าใช้จ่ายธุรกิจ ค่าเช่าที่ใบแจ้งหนี้จากซัพพลายเออร์เงินเดือนพนักงาน ค่าเทอม และอื่น ๆ

โดยบิลต่าง ๆ เหล่านี้บางธนาคารหรือบริษัทเจ้าหนี้ไม่รับชำระด้วยบัตรเครดิต ซึ่งหากจะต้องกดเงินสดจากบัตรเครดิตก็จะเสียค่าธรรมเนียมที่ค่อนข้างสูงอีกทั้งยังมีดอกเบี้ย

ซึ่งหน้าที่สำคัญของ convertCASH คือ “จ่ายให้คุณก่อน” เพียงลงทะเบียนในแอปพลิเคชั่น ซึ่งจะใช้เวลาตรวจสอบประมาณ 1-2 วัน จากนั้นบริษัทจะจ่ายเงินสดให้ลูกค้าก่อนเเล้วตามไปเก็บเงินที่บัตรเครดิตของลูกค้าในภายหลัง

“ดังนั้น ลูกค้าจึงจะมีเวลายืดออกไปอีกสูงสุดถึง 45 วัน ที่จะหมุนเงินไปจ่ายยอดบัตรเครดิตของพวกเขา ยกตัวอย่างเช่น คนที่มีความเดือดร้อนเรื่องการเงิน แต่ต้องจ่ายค่าผ่อนบ้านกับธนาคารทุกวันที่ 15 เเต่ไม่มีเงินสดณ ตอนนั้น สามารถมาใช้บริการ convertCASH ออกเงินสดให้ก่อนได้”

นอกจากนี้ convertCASH ยังมีคะแนนสะสมแบบ global loyalty ที่ลูกค้าจะได้รับทุกครั้งเมื่อทำธุรกรรม โดยสามารถนำคะแนนสะสมที่ได้ไปใช้กับร้านค้าพันธมิตร เช่น Starbucks เป็นต้น

สำหรับวงเงินที่จะอนุมัตินั้น จะขึ้นอยู่กับ “วงเงินบัตรเครดิต” ของลูกค้า เช่น หากมีบัตรเครดิตที่ถืออยู่ 50,000 บาท ก็จะใช้กับ convertCASH ได้วงเงิน 50,000 บาท เป็นต้น ทั้งนี้ convertCASH จะต่างกันกับการกดเงินสดของบัตรเครดิตตรงที่ว่ามีค่าธรรมเนียมการใช้ที่ถูกกว่า หรือเเค่ 0.5% ต่อรายการเท่านั้น

“convertCASH ไม่ใช่การกู้เงิน แต่เป็นแพลตฟอร์มที่ทำให้ชีวิตคุณง่ายขึ้นทำให้การเงินสะพัดมากขึ้น ขยายเวลาให้หาเงินได้มากขึ้นโดยไม่ต้องไปยืมเงินสดของเพื่อน หรือไปกู้เงินนอกระบบที่เสี่ยงอันตราย ที่สำคัญคือ convertCASH ไม่มีดอกเบี้ย เป็นแค่การยืดเวลาให้”

ส่วนคำถามที่ว่าหากเกินระยะเวลา 45 วันไปเเล้ว เเล้วจะทำอย่างไรนั้น คำตอบคือลูกค้าต้องไปเจรจากับทางบริษัทเจ้าของบัตรเครดิตต้นสังกัดว่ามีเงื่อนไขเเละการช่วยเหลือลูกค้าอย่างไร เพราะถ้าวงเงินในบัตรเครดิตของลูกค้าเต็มเเล้ว ก็จะไม่สามารถใช้ convertCASH ได้

“เราจะไม่ส่งเสริมให้คนเป็นหนี้มากขึ้นหรือติดวังวนหนี้ไปเรื่อย ๆ ดังนั้น เราจึงเน้นไปที่การช่วยเหลือให้คนมีเวลาหาทางออกเพิ่มขึ้น หลุดออกมาจากปัญหาในช่วงเวลานั้น ๆ ให้ได้ก่อน”

“ลักษมีกานต์” บอกว่า convertCASH ต้องการขยายตลาดไปทั่วโลก ตามหัวใจสำคัญที่ว่าในอนาคตเงินจะอยู่ในดิจิทัลแบงกิ้งและใช้ได้ทั่วโลก ซึ่งสำหรับในตลาดไทยยอมรับว่า แพลตฟอร์ม “จ่ายบิลรายเดือนทีหลัง” ยังเป็น “ของใหม่มาก ๆ” เเละมีความท้าทายสูง

จึงต้องเริ่มต้นไปที่การสร้างการรับรู้ สื่อสารผ่านข้อมูลต่าง ๆ ทำให้ผู้บริโภคเข้าใจเเละตัดสินใจมาใช้บริการมากขึ้น

สำหรับบริการในไทยตอนนี้convertCASH เปิดให้บริการได้เต็มที่ 100% แล้ว สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นได้ทั้งระบบ iOS,Android และ Huawei

ทั้งนี้ กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของ convertCASH “ลักษมีกานต์” บอกว่า ส่วนใหญ่จะเป็น “มนุษย์เงินเดือนที่ถือบัตรเครดิต” ซึ่งมีภาระต้องผ่อนบ้าน ผ่อนรถ เเละกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs เจ้าของบริษัทที่ต้องใช้เงินหมุนธุรกิจหรือจ่ายเงินเดือนพนักงาน

ทั้งนี้ ในตลาดประเทศไทยบริษัทคาดหวังว่าหลังเปิดตัวเป็นทางการในปลายเดือน ก.ย.นี้ ตั้งเป้าจะขยายยอดผู้ใช้ในช่วง 6 เดือนเเรกให้ได้ 20,000 ราย

“เราประเมินว่าในช่วง 2 ปีนี้ทราฟฟิกน่าจะสูงถึง 2-3 เเสนราย ตามกระแสที่คนไทยหันมาใช้จ่ายผ่านดิจิทัลมากขึ้น โดยตั้งเป้าว่าภายใน 5 ปีconvertCASH จะมีผู้ใช้ในไทยมากกว่า 1 ล้านราย และผู้ใช้ทั่วโลก 200 ล้านรายภายในเวลาเดียวกัน”

ผู้ร่วมก่อตั้ง convertCASH Thailand กล่าวด้วยว่า อีก 2 เดือนข้างหน้าบริษัทมีอีกหนึ่งโปรเจ็กต์ใหญ่คือ การเปิดตัวธุรกิจ “ดิจิทัลเเบงกิ้ง”(digital banking) ในสิงคโปร์ ส่วนประเทศไทยจะเปิดตัวในช่วงไตรมาสเเรกปี 2565 ซึ่งเป็นการจับมือ cobranded กับผู้ใช้บริการชำระเงินผ่านบัตรยักษ์ใหญ่อย่าง Mastercard

บริการดังกล่าวจะมีจุดเด่นคือการมี “คะเเนนสะสม” หรือ convertCASH Reward ที่ยิ่งใช้ยิ่งคุ้ม ยกตัวอย่างเช่น หากลูกค้าฝากเงิน 3,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ ไปเข้าบัญชี ลูกค้าจะได้รับคะแนนสะสมของ convertCASHกว่า 10% หรือมูลค่าถึง 300 ดอลลาร์สิงคโปร์

ยิ่งไปกว่านั้นดิจิทัลเเบงกิ้งของ convertCASH จะไม่เหมือนบัญชีธนาคารทั่วไป คือไม่มีสาขา ไม่มีค่าธรรมเนียมยอดเงินขั้นต่ำ ไม่มีค่าธรรมเนียมการโอน ผู้ใช้สามารถมีกระเป๋าเงินได้หลายสกุลเงิน และสามารถโอนเงินข้ามประเทศต่าง ๆ ได้ทันที

“เราไม่ได้จะมาเป็นคู่เเข่งกับธนาคารดั้งเดิม เเต่เป็นการช่วยกันเเละกันมากกว่า” ผู้ร่วมก่อตั้ง convertCASH Thailand กล่าว