ตลาดหุ้นไทย (SET) วันนี้แกว่งตัว 1,640-1,660 จุด กังวลโควิดระบาดหนักในแอฟริกาใต้-ยุโรป และเฟดส่งสัญญาณเร่งขึ้นดอกเบี้ย-ลด QE ยังกดดันตลาด ทั้งนี้ ลุ้น ศบค.ชุดใหญ่ยกเลิกพื้นที่จังหวัดสีแดงเข้ม และคลายล็อกสถานบันเทิง 1 ธ.ค.
วันที่ 26 พฤศจิกายน 2564 บริษัทหลักทรัพย์กรุงศรี หรือ บล.กรุงศรี คาดดัชนีหุ้นไทย (SET) วันนี้แกว่งตัว 1,640-1,660 จุด โดยภาวะตลาดยังคงถูกกดดันจากความกังวลเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ในแอฟริกาใต้และการระบาดรอบใหม่ในแถบยุโรป รวมถึงธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ส่งสัญญาณพร้อมจะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและลด QE เร็วขึ้นหากเงินเฟ้ออยู่ระดับสูงส่งผลให้เม็ดเงิน (Fund flow) ผันผวน อย่างไรก็ตามคาดว่าแรงซื้อหุ้นที่มีข่าวเฉพาะตัวช่วยหนุนให้ดัชนีรีบาวoด์ขึ้นได้
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- อะไรทำให้ “ทองคำ” แพง สงคราม หรือการเก็งกำไร ?
สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามวันนี้
เดิมเฟดประกาศลดวงเงินในการเข้าซื้อพันธบัตร (QE) ที่ระดับ 15,000 ล้านดอลลาร์ต่อเดือน แต่ด้วยอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงแตะระดับสูงสุดในรอบ 30 ปีจึงมีโอกาสสูงที่เฟดจะลด QE ในจำนวนที่สูงขึ้น เบื้องต้นโกลด์แมน แซกส์คาดไว้ที่ 30,000 ล้านดอลลาร์ต่อเดือนและจะยุติ QE ในช่วงกลางเดือน มี.ค.ปีหน้า
ด้าน AOT หรือบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งเดิมมาตรการนี้จะสิ้นสุดโครงการในวันที่ 31 มี.ค. 2565 แต่ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวที่ยังไม่กลับสู่ปกติ เศรษฐกิจโดยรวมยังไม่ฟื้นตัว คณะกรรมการจึงมีมติขยายเวลามาตรการดังกล่าวออกไปอีก 1 ปีเป็นสิ้นสุด 31 มี.ค. 2566 เป็นข่าวลบต่อรายได้และบรรยากาศ (Sentiment) การลงทุนในหุ้นของ AOT โดยตรง
อย่างไรก็ตาม ลุ้น ศบค.ชุดใหญ่ยกเลิกพื้นที่จังหวัดสีแดงเข้ม และคลายล็อกสถานบันเทิง เบื้องต้นมีการคาดการณ์ว่า ศบค.ชุดใหญ่จะยกเลิกพื้นที่สีแดงเข้มทั้ง 6 จังหวัด (สงขลา ยะลา ปัตตานี นราธิวาส นครศรีธรรมราช และตาก) โดยจะลดระดับเป็นเพียงจังหวัดสีแดง ส่วนอีกหนึ่งประเด็นคือการคลายล็อกให้สถานบันเทิงกลับมาเปิดทำการได้ตั้งแต่ 1 ธ.ค. 2564 เรามองว่าประเด็นนี้ยังมีความอ่อนไหวและมีโอกาสสูงที่ภาครัฐจะยังเข้มงวดต่อ
บล.กรุงศรีแนะนำหุ้นเด่นน่าจับตาวันนี้
– IVL หรือบริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) ราคาที่ 41.5060 บาทต่อหุ้น คาดกำไรไตรมาส 4/64 จะฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งเนื่องจากเกือบทุกผลิตภัณฑ์มีคำสั่งซื้อรองรับไปจนถึงไตรมาส 1/65 การผลิตเดินหน้าเต็มที่จากดีมานด์ที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ซัพพลายมีไม่เพียงพอหลังเกิดปัญหาขาดแคลนไฟฟ้าในจีน
– EPG หรือบริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ราคาปิดที่ 11.90 บาทต่อหุ้น แนะนำซื้อ/เป้าหมายราคาที่ 16 บาทต่อหุ้น ระยะสั้นได้บรรยากาศ (Sentiment) บวกจากราคาน้ำมันดิบที่เริ่มลดลง ส่วนผลประกอบการคาดกำไรไตรมาส 3/65 (ต.ค.-ธ.ค.) เติบโตต่อเนื่องจากการเปิดเมืองและปรับขึ้นราคาขายทั้ง 3 ผลิตภัณฑ์ (ฉนวน, ชิ้นส่วนยานยนต์ และ packaging) ช่วยหนุนยอดขายและ GPM เพิ่มขึ้น
