ฝีดาษลิง ไทยพบรายที่ 8 เดินทางกลับจากกาตาร์ สัมผัสเพื่อนชาวไทย 2 คน

ไทยพบผู้ป่วยฝีดาษลิง รายที่ 8
นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค

กรมควบคุมโรค เผยตรวจพบผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงรายที่ 8 เป็นชาวไทย อายุ 23 ปี ไม่มีโรคประจำตัว เดินทางกลับจากกาตาร์ 

วันที่ 16 กันยายน 2565 นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ได้รับรายงานจากสถาบันบำราศนราดูร ตรวจพบผู้ป่วยโรคฝีดาษวานร เป็นคนไทย อายุ 23 ปี ไม่มีโรคประจำตัว ไปประกอบอาชีพให้บริการที่ประเทศกาตาร์

จากการสอบสวนโรคเบื้องต้นพบว่า มีประวัติ มีเพศสัมพันธ์กับชายที่มีตุ่มบริเวณหลังลักษณะคล้ายสิว และเริ่มมีอาการป่วยเมื่อวันที่ 8 กันยายน 2565 มีไข้ หนาวสั่น ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดหลัง เบื่ออาหารและมีผื่นบริเวณฝ่ามือข้างขวา นิ้วกลางข้างซ้าย ใต้รักแร้ซ้าย แขนซ้าย หลัง ก้นและทวาร ตามลำดับ โดยรวมตุ่มแผลประมาณ 15 ตุ่ม

ผู้ป่วยเดินทางกลับจากประเทศกาตาร์ถึงประเทศไทย เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2565 หลังจากเดินทางเข้าประเทศไทย มีประวัติสัมผัสเพื่อนชาวไทย 2 คน

คนแรก ผู้ป่วยไปเก็บของที่ห้องของเพื่อน รับประทานอาหารร่วมกัน และเข้าใช้ห้องน้ำที่ห้องเพื่อน และคนที่สอง ผู้ป่วยนำกระเป๋าไปฝากเพื่อนโดยไม่ได้เข้าไปในห้องเพื่อน ซึ่งเพื่อนทั้งสองคนไม่ได้สัมผัสผิวหนังหรือบริเวณที่มีตุ่มแผล

วันที่ 14 กันยายน 2565 จึงเข้าไปตรวจ ที่สถาบันบำราศนราดูร และแพทย์เก็บตัวอย่างส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการของสถาบันบำราศนราดูร และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ผลพบเชื้อฝีดาษวานร

“สรุปได้ว่าผู้ป่วยรายดังกล่าว มีอาการตั้งแต่อยู่ที่ต่างประเทศและในขณะเดินทางผู้ป่วยแสดงอาการป่วยแล้ว อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยไม่มีประวัติการเดินทางไปที่ชุมชน/เข้าร่วมกิจกรรมที่มีคนพลุกพล่าน หลังพบอาการต้องสงสัยจึงเข้าพบแพทย์ในทันที” นายแพทย์โอภาสกล่าว

สถานการณ์โรคฝีดาษวานรทั่วโลก (ข้อมูล ณ วันที่ 11 ก.ย. 65) พบผู้ติดเชื้อโรคฝีดาษวานรยืนยัน จำนวน 54,709 ราย เสียชีวิต 18 ราย โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่ยังอยู่ในแถบทวีปยุโรป ส่วนสถานการณ์โรคฝีดาษวานรในประเทศไทย (ข้อมูล ณ วันที่ 15 ก.ย. 65) พบผู้ป่วยยืนยันสะสม 8 ราย

นายแพทย์โอภาสกล่าวเน้นย้ำว่า โรคฝีดาษวานรไม่ได้ติดต่อง่ายหรือมีความรุนแรง จึงขอแนะนำให้ประชาชน โดยเฉพาะผู้ที่เดินทางไปหรือกลับจากประเทศที่มีการระบาดโรคฝีดาษวานร ให้เลี่ยงการสัมผัสแนบชิดกับผู้ที่มีไข้ ผื่น ตุ่มน้ำ ตุ่มหนองบริเวณร่างกาย ให้สวมหน้ากากอนามัยขณะอยู่ใกล้ชิดผู้อื่น ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยน้ำสบู่ ไม่มีเพศสัมพันธ์กับคนแปลกหน้า รับประทานอาหารปรุงสุกสะอาด

ทั้งนี้ หากมีอาการสงสัย เช่น มีผื่นตามลำตัว เป็นตุ่มนูน ตุ่มน้ำใส ตุ่มหนอง ตุ่มตกสะเก็ด หลังจากมีไข้ เจ็บคอ ปวดหัว ปวดกล้ามเนื้อ ต่อมน้ำเหลืองโต สามารถเข้ารับการตรวจเชื้อได้ที่โรงพยาบาลที่ใกล้บ้านท่านได้ทันที สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422