ผอ.สถาบันวัคซีนฯ แจงอีกรอบ วัคซีนโควิดที่ไทยนำมาใช้มีประสิทธิภาพสูง

นพ.นคร

ผอ.สถาบันวัคซีนฯ แจงอีกรอบ วัคซีน 2 ตัวที่ใช้ในไทยมีประสิทธิภาพสูง ป้องกันโควิดได้ดีมีข้อมูลวิชาการยืนยัน ส่วนที่อ้าง “ซิโนแวค” ป้องกันได้แค่ 50.4% นั้น เป็นตัวเลขที่ทดสอบเฉพาะในบุคลากรทางการแพทย์กลุ่มเสี่ยงสัมผัสเชื้อสูง ขณะที่ “แอสตร้าเซนเนก้า” มีประสิทธิภาพต่อไวรัสสายพันธุ์อังกฤษ ป้องกันป่วยได้ 70%

วันที่ 13 เมษายน 2564 ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีน กล่าวว่า ข้อมูลวัคซีนมีการเคลื่อนไหวตลอดเวลา ไม่สามารถยึดถือได้ครั้งเดียว เนื่องจากอาจจะมีไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่กลายพันธุ์ออกฤทธิ์รุนแรง หรือไม่ตอบสนองต่อวัคซีน ซึ่งยังไม่มีใครคาดการณ์ได้

กรณีที่มีผู้ระบุว่า ประสิทธิภาพของวัคซีนซิโนแวคป้องกันโรคได้เพียง 50.4% นั้นขอชี้แจงว่า เป็นข้อมูลการวิจัยในมนุษย์ระยะที่ 3 ซึ่งดำเนินการในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ในประเทศบราซิลที่กำลังมีการระบาดอย่างมาก ถือเป็นวัคซีนตัวเดียวที่ศึกษาวิจัยในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์

อย่างไรก็ตาม แม้จะป้องกันอาการไม่รุนแรง 50.4% แต่ถือว่าผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำขององค์การอนามัยโลก ขณะที่ป้องกันติดเชื้ออาการปานกลางได้ถึง 83.7% และป้องกันการติดเชื้ออาการรุนแรงถึง 100% ถือว่ามีประสิทธิภาพดี จึงขอให้ประชาชนมั่นใจ

“เราไม่สามารถจะนำตัวเลขประสิทธิผลของวัคซีนมาเปรียบเทียบโดยตรงได้ ต้องพิจารณาข้อมูลอื่นประกอบด้วย เช่นศึกษาในกลุ่มประชากรใด อย่างบุคลากรทางการแพทย์มีความเสี่ยงในการติดเชื้อจำนวนมาก หรือศึกษาในพื้นที่ใด หากเป็นพื้นที่ระบาดก็มีโอกาสติดเชื้อมาก ผลการศึกษาจึงนำมาเทียบกับการศึกษาในชุมชนทั่วไปไม่ได้”

นพ.นคร กล่าวต่อว่า ส่วนวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้า ซึ่งเป็นวัคซีนหลักของประเทศไทย จำนวน 61 ล้านโดส มีข้อมูลตีพิมพ์เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2564 ว่า มีประสิทธิภาพป้องกันต่อไวรัสโควิด 19 สายพันธุ์ B.1.1.7 หรือสายพันธุ์อังกฤษได้ 70.4% ส่วนไวรัสที่ยังไม่มีการกลายพันธุ์ป้องกันได้ 81.5%

ทั้งนี้ สิ่งสำคัญคือการควบคุมโรคให้รวดเร็ว เนื่องจากยิ่งปล่อยให้มีการระบาดอาจเกิดการกลายพันธุ์ขึ้นได้ ซึ่งเราไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่า การกลายพันธุ์จะเป็นอย่างไร อาจทำให้ติดเชื้อง่ายหรือยากขึ้น ความรุนแรงมากขึ้น เท่าเดิม หรือน้อยลง หรือจะกระทบกับวัคซีนหรือไม่ ดังนั้นต้องพยายามหยุดการระบาดโดยเร็ว

“การฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมมากที่สุด เร็วที่สุด จะช่วยหยุดสถานการณ์การระบาด ขอให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นต่อวัคซีนและมารับวัคซีนที่โรงพยาบาลตามที่นัดหมาย ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) พิจารณาทบทวนความปลอดภัยแล้ว วัคซีนที่ไทยใช้เป็นวัคซีนที่ดีใช้การได้ เมื่อฉีดจำนวนมากจะยุติสถานการณ์การระบาดของโรคพร้อมกันโดยเร็ว ประเทศจะได้เปิด ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมต่อไป”