เคาะตัวเลขเป็นที่เรียบร้อย สำหรับเงินชดเชยที่ 7 ช่องทีวีดิจิทัล ซึ่งถอดใจขอคืนใบอนุญาต ตามคำสั่ง คสช. ที่ 4/2562 เรื่องมาตรการแก้ไขปัญหาการประกอบกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เปิดทางไว้ให้
โดยช่อง “3 SD” หมายเลข 28 แจ้งคืนช่องเป็นรายสุดท้ายแบบเซอร์ไพรส์สุด แต่ได้เงินติดกระเป๋าจาก กสทช. กลับไปมากที่สุด 680.08 ล้านบาท ขณะที่ช่อง “3 Family” ได้เงินชดเชย น้อยสุด 162.54 ล้านบาท
- เรือสิงคโปร์ชนสะพานในสหรัฐ มีประวัติไม่ดีมาก่อน เรารู้อะไรแล้วบ้างตอนนี้ ?
- สถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 1 เมษายน ย้อนหลัง 10 ปี
- หุ้นกู้ออกใหม่ 12 บริษัทแห่ขายเดือน เม.ย.นี้ จ่ายดอกเบี้ยสูงสุด 7.40%
ควักอุดหนุนก่อนนี้ 7.6 พันล้าน
ย้อนไปเมื่อการประมูลทีวีดิจิทัลปลายปี 2556 ปิดราคา 24 ช่องธุรกิจที่ 50,862 ล้านบาท ซึ่งตามประกาศ คสช. ที่ 80/2557 ระบุให้ต้องนำส่งเป็นรายได้แผ่นดิน ยกเว้นงวดแรกที่ให้ใช้สนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่ทีวีดิจิทัล โดย “กทปส.” เป็นผู้บริหาร
แหล่งข่าวภายในสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ตามบัญชี “รายรับ-รายจ่าย” ในส่วนที่ใช้สนับสนุนทีวีดิจิทัล จะมีรายรับ 11,841 ล้านบาท แยกเป็น จากเงินประมูลทีวีดิจิทัลงวดแรก 11,162.2 ล้านบาท มีดอกผล 678.83 ล้านบาท
ขณะที่ “รายจ่าย” เบิกไปแล้ว 7,662 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแจกคูปองมูลค่า 690 บาท ให้ประชาชนนำไปแลกซื้ออุปกรณ์รับสัญญาณทีวีดิจิทัล (Set-top-box) ในเฟสแรก 5,785.93 ล้านบาท เฟส 2 อีก 1,195.32 ล้านบาท
กับค่าเช่าช่องสัญญาณดาวเทียม (Must Carry) ซึ่ง กสทช.จะอุดหนุนให้ 100% ตามคำสั่ง คสช. ก่อนหน้านี้ที่ระบุให้อุดหนุนจนถึง ธ.ค. 2562 รวมถึงค่าโครงข่ายภาคพื้นดิน (MUX) จะครบกำหนดอุดหนุน มิ.ย. 2563 ณ ปัจจุบันเบิกไปแล้ว 681.03 ล้านบาท
คาดส่งเข้าคลังอีก 1.5 พันล้าน
และเมื่อก่อนหน้านี้ “กสทช.” ได้นำเงินส่งคืนกระทรวงการคลังเป็นรายได้แผ่นดินแล้ว 1,200 ล้านบาท คงเหลือเงินในโครงการสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านทีวีดิจิทัล 2,978.74 ล้านบาท
“แต่มีส่วนที่กำลังอยู่ระหว่างกระบวนการเบิกจ่าย 1,385.89 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินเบิกจ่ายตามคูปองที่ใช้สิทธิ์แล้วและเงินวางประกันที่ต้องจ่ายให้ผู้ประกอบการ Set-top-box 108.52 ล้านบาท ค่า MUX ค้างจ่ายอีก 1,277.36 ล้านบาท จึงเหลือเงินที่คาดว่าจะส่งคืนคลังได้อีกราว 1,592 ล้านบาท”
อ่อนประชาสัมพันธ์ ?
ส่วนการสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านทีวีดิจิทัลในรูปแบบของโครงการภายใต้งบประมาณของสำนักงาน กสทช.เองนั้น ที่ผ่านมาทั้งฝั่งผู้ประกอบการช่องทีวีและ Set-top-box จะระบุว่า “ทีวีดิจิทัล” ล้มเหลวเพราะขาดการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับรู้และเข้าใจเกี่ยวกับการรับชมทีวีดิจิทัล แม้แต่ในคำพิพากษาศาลปกครองกลาง
คดีที่ “ติ๋ม ทีวีพูล” นางพันธุ์ทิพา ศกุณต์ไชย ผู้รับใบอนุญาต 2 ช่องทีวีดิจิทัล อย่างช่องไทยทีวี และช่อง MVTV Family (Loca เดิม) ยื่นฟ้อง “กสทช.” ยังระบุถึงการประชาสัมพันธ์ให้ความรู้กับประชาชนไม่ทั่วถึง ทำให้ประชาชนไม่เข้าใจวิธีการเปลี่ยนผ่านระบบโทรทัศน์วิธีการใช้คูปอง ทำให้เกิดความสับสน ไม่สนใจที่จะเปลี่ยนสู่ระบบทีวีดิจิทัลเท่าที่ควร 92 โครงการ 465 ล้าน
แต่จากการรวบรวมข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างของสำนักงาน กสทช. ตั้งแต่ปี 2557 จนถึงปี 2562 พบว่า มี 92 โครงการที่เกี่ยวข้องกับการสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่ทีวีดิจิทัล อาทิ การจัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์ อบรมให้ความรู้แก่ประชาชน จ้างผลิตสื่อประชาสัมพันธ์ จ้างผู้เชี่ยวชาญเป็นที่ปรึกษาด้านการประชาสัมพันธ์ ฯลฯ รวมเป็นงบประมาณ 465.329 ล้านบาท
โดยปี 2557 ซึ่งเป็นปีแรกที่ทีวีดิจิทัลแพร่ภาพและเริ่มแจกคูปอง มีการจัดซื้อจัดจ้างมากที่สุด 41 โครงการ 163 ล้านบาท และรองลงไปคือปี 2560 อยู่ที่ 108 ล้านบาท
ขณะที่ในปีนี้ยังมี 6 โครงการที่ของบประมาณไว้รวมกว่า 55 ล้านบาท อาทิ โครงการสร้างกระบวนการเรียนรู้ของประชาชนเพื่อการรับชมโทรทัศน์ภาคพื้นดิน 12 ล้าน โครงการเสริมสร้างความตระหนักรู้ให้แก่ประชาชนในการเปลี่ยนผ่านไปสู่การรับชมโทรทัศน์ในระบบดิจิทัล 11.77 ล้านบาท
โครงการศึกษาแนวทางแก้ไขปัญหาของผู้ประกอบกิจการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิทัล 4.1 ล้านบาท และยังมีโครงการที่ขอผูกพันงบประมาณไว้ถึงปี 2563 คือ โครงการ ASO-Get Ready การสื่อสารสร้างความพร้อมและตื่นตัวต่อการยุติการรับส่งสัญญาณโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบแอนะล็อก 20 ล้านบาท แบ่งเป็นงบประมาณปีนี้ 16 ล้านบาท และปี 2563 อีก 4 ล้านบาท
ทีวีดิจิทัล 12,974 ล้านบาท
เมื่อรวมกับการเยียวยาตามคำสั่ง คสช.ที่ 4/2562 ซึ่ง “ฐากร ตัณฑสิทธิ์” เลขาธิการ กสทช. ระบุว่า ได้ทำเรื่องขอยืมเงินจาก “กทปส.” กองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์สาธารณะ ไว้แล้ว 4,847 ล้านบาท
ซึ่งแบ่งเป็นเงินชดเชยช่องทีวีที่คืนใบอนุญาต 2,962 ล้านบาท เงินเยียวยาค่าเช่าโครงข่าย (MUX) 552.8 ล้านบาท ค่าปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ของ MUX 345 ล้านบาท และเงินประมูลงวด 5 และ 6 ที่ต้องจ่ายคืน ช่อง 7 HD ช่องเวิร์คพอยท์ และช่องสปริงนิวส์ ซึ่งจ่ายล่วงหน้ามาก่อน 986.6 ล้านบาท เท่ากับว่า “กสทช.” ต้องควักจ่ายเงินสนับสนุน “ทีวีดิจิทัล” 12,974 ล้านบาท
โดยไม่รวมกับเงินประมูล “ค่างวด 5-6” ที่คำสั่ง คสช. เอื้อเฟื้อให้ผู้ประกอบการไม่ต้องจ่ายอีก 13,622.4 ล้านบาท