แฟลช กรุ๊ป ปิดดีลระดมทุนซีรีส์ D+ ควบซีรีส์ E รับเงินลงทุนใหม่ 4,700 ล้านบาท ลุยสยายปีกบริการอีคอมเมิร์ซครบวงจรสู่ตลาดต่างประเทศ ไตรมาส 4 ปีนี้ เตรียมปักหมุดเปิดให้บริการบางส่วนในกลุ่มประเทศอาเซียน
นายคมสันต์ ลี ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มธุรกิจแฟลช กรุ๊ป (Flash Group) ผู้ให้บริการอีคอมเมิร์ซสัญชาติไทยครบวงจร กล่าวว่า แฟลช กรุ๊ป เพิ่งประสบความสำเร็จในการระดมทุนมูลค่า 150 ล้านเหรียญสหรัฐ
- ด่วน! โปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ครม.เศรษฐา 1/1 รัฐมนตรีใหม่ 13 ตำแหน่ง
- ล้งกระหน่ำทุบราคามังคุด จากโลละ 200 เหลือ 60 บาท
- ทูลเกล้า 11 รายชื่อคณะรัฐมนตรี เศรษฐา 1/1 ออก 4 เข้าใหม่ 6 ตำแหน่ง
หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 4,700 ล้านบาท ส่งผลให้แฟลช กรุ๊ป เป็นสตาร์ตอัพไทยรายแรกที่สามารถระดมทุนได้มากที่สุดในระยะเวลาแค่ 3 ปี หลังจากก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2560
และเปิดให้บริการครั้งแรกในปี 2561 ซึ่งผลจากการระดมครั้งนี้ ทำให้แฟลช กรุ๊ป มีมูลค่าธุรกิจมากกว่า 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยมีมูลค่ากว่า 30,000 ล้านบาท
สำหรับการระดมทุนรอบซีรีส์ D+ ได้ปิดดีลลงก่อนซีรีส์ E ซึ่งแล้วเสร็จเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยมีทั้งนักลงทุนรายเดิมที่ลงทุนต่อเนื่องและนักลงทุนรายใหม่ โดยรอบซีรีส์ D+ ได้ผู้ร่วมทุนรายใหม่ เช่น SCB 10X บริษัท จันวาณิชย์ ซีเคียวริตี้พริ้นท์ติ้ง จำกัด เข้าร่วมสนับสนุน
และซีรีส์ E ได้กลุ่มทุนBuer Capital จากสิงคโปร์ SCB 10X เข้าร่วมสนับสนุนเพิ่มอีก ตามด้วยผู้ลงทุนเดิมอย่าง eWTP, บริษัท ปตท. น้ำมัน และการค้าปลีก จำกัด (มหาชน), บริษัท เดอเบล จำกัด (Durbell) ภายใต้กลุ่มธุรกิจ TCP, บริษัท กรุงศรี ฟินโนเวต จำกัด ในเครือกรุงศรี กรุ๊ป
ซึ่งการระดมทั้งสองรอบนี้เงินลงทุนจะถูกกระจายไปในหลายส่วน ทั้งด้านการบริหาร การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี ครอบคลุมไปถึงการลงทุนในด้านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ที่จะตอบโจทย์ และสร้างความแตกต่าง รวมถึงการเพิ่มช่องทางการขาย ขยายบริการ และสร้างกลยุทธ์ใหม่ ๆ
“ปัจจุบันกลุ่มธุรกิจแฟลชมีอัตราการเติบโตก้าวกระโดด พร้อมธุรกิจในเครือหลากหลายประเภท เช่น Flash Express ผู้ให้บริการขนส่งแบบครบวงจร ที่ใช้เทคโนโลยีเข้ามาเป็นหัวใจหลักในการบริหารจัดการด้านระบบขนส่ง
โดยปัจจุบัน Flash Express มียอดจัดส่งพัสดุต่อวันสูงสุดกว่า 2 ล้านชิ้น ศูนย์กระจายสินค้า 26 แห่ง นอกจากนี้ยังมีบริการ Flash Fulfilment คลังสินค้าแบบครบวงจรที่มีบริษัทชั้นนำใช้บริการมากมาย”
ขณะที่ทิศทางจากนี้ไปจะเดินหน้าประกาศความร่วมมือกับผู้ลงทุน ซึ่งกลยุทธ์หลัก คือ การเป็นผู้ให้บริการแบบ one stop service สำหรับอีคอมเมิร์ซทั้งในไทยและเร่งขยายบริการสู่ต่างประเทศ โดยตั้งเป้าหมายว่าภายในไตรมาส 4 ปีนี้ จะทยอยเปิดให้บริการบางส่วนในกลุ่มประเทศอาเซียนด้วย
