ไม่เอาแล้วWeb 3.0 อดีตซีอีโอทวิตเตอร์ ‘แจ็ค ดอว์ซี’เล็งลงทุนแพล็ตฟอร์มบน WEb5.0 บนเครือข่ายบิตคอยน์ ชี้ Web3.0 ไม่กระจายอำนาจแท้จริง ข้อมูลผู้ใช้และผลประโยชน์อยู่กับนักลงทุนและเจ้าของเครือข่าย
วันที่ 11 มิถุนายน 2565 นายแจ็ค ดอว์ซี อดีตซีอีโอทวิตเตอร์ และผู้ก่อตั้งบล็อกอิ้งค์ (Block, Inc. ก่อนหน้าชื่อ Square, Inc) ได้นำเสนอแนวคิดในการสร้าง ‘Extra’ Decentralized ‘Web5.0’ หรือเว็บไซต์และแพล็ตฟอร์มกระจายอำนาจที่พิเศษ บนเครือข่ายบิตคอยน์ พร้อมเหน็บไว้อาลัยนายทุนของ Web3.0
- ด่วน ! วอยซ์ ทีวี ประกาศปิดกิจการทุกแพลตฟอร์ม เลิกจ้าง 100 กว่าคน
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- NETA X ขาย มิ.ย.นี้ ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท หลัง MOU สรรพสามิต
อดีตซีอีโอ ทวิตเตอร์ ระบุว่าจะเป็นผลงานที่สำคัญที่สุดของเขาที่มีต่อวงการอินเทอร์เน็ต และว่าสำหรับเหล่านักลงทุนใน web3.0 ทั้งหลาย ขอให้พักผ่อนให้สงบ
this will likely be our most important contribution to the internet. proud of the team. #web5
(RIP web3 VCs 🤫)https://t.co/vYlVqDyGE3 https://t.co/eP2cAoaRTH
— jack (@jack) June 10, 2022
รายงานข่าวเปิดเผยว่า TBD บริษัทลูกของบล็อกอิงค์ ถือเป็นแหล่งรวบรวมทีมนักพัฒนาเว็บไซต์และแอปพลิเคชันบนเครือข่ายบิตคอยน์ และได้เสนอแนวคิด Web5.0 จำนวน 18 หน้า ไว้เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา (10มิ.ย.2565) ระบุว่าโมเดลของเว็บในปัจจุบัน ปัจเจกบุคคลที่เป็นผู้ใช้งานไม่ได้เป็นเจ้าของข้อมูลประจําตัวของตน และพวกเขาจะได้รับบัญชีจาก “บริษัท”
ข้อมูลของพวกเขากลายเป็นเชลยในแอปพลิเคชัน ของบริษัทนั้น ๆ ซึ่ง TBD ต้องการสร้างแอปพลิเคชัน และโปรโตคอลแบบกระจายอำนาจระดับใหม่ที่ทำให้ปัจเจกบุคคลเป็นศูนย์กลาง โดยเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้ใช้ ด้วยการให้ผู้เป็นเจ้าของข้อมูลได้กู้คืนการควบคุมข้อมูลของตน
อย่างไรก็ตามภายหลังจาก TBD โชว์แนวคิดดังกล่าว มีคำถามตามมามากมายว่าแนวคิดเรื่องข้อมูลผู้ใช้ Web3.0 กับ Web5.0 ก็ไม่ได้ต่างกัน และอะไรทำให้ Web3.0 กระจายอำนาจในข้อมูลไม่ดีพอจนต้องทำ Web5.0
นายแจ็ค อธิบายว่าจุดที่ทำให้ระบบ Web 3.0 ล้มเหลวมาจากจุดเดียวกัน คือ การที่เครือข่าย เช่น อีเทอเรียม (Ethereum) หรือ โซลาน่า (Solana) โกหกผู้คนว่าใครกันแน่เป็นเจ้าของและเป็นผู้ที่ควบคุมข้อมูล”
อดีตซีอีโอและผู้ก่อตั้งทวิตเตอร์มองว่าเครือข่ายอื่นๆ ล้วนมีกองทุนหรือเจ้าของหนุนหลัง เช่น Ethereum Foundation ทำให้การกระจายอำนาจไม่เกิดขึ้นอย่างแท้จริง
