“อีโคลีน” ชูแพ็กเกจจิ้งไร้โลหะ นวัตกรรมรักษ์โลก “น้ำหนักเบา”

แพ็กเกจจิ้งไร้โลหะ

ปัจจุบันผู้บริโภคในประเทศไทยให้ความสำคัญต่อการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อสนองความต้องการของผู้บริโภค บริษัท อีโคลีน เอสอี เอเซีย เอสดีเอ็น บีเอชดี (ประเทศไทย) หรือ Ecolean ผู้ผลิตนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ จากประเทศสวีเดน

ได้ร่วมมือกับบริษัท แดรี่โฮม วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด ผู้ผลิตนมออร์แกนิกในประเทศไทย ชูกลยุทธ์ธุรกิจเพื่อสิ่งแวดล้อม สู่โมเดลธุรกิจรักษ์โลก เพื่อส่งเสริมความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมด้วยนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์น้ำหนักเบาสำหรับอาหารเหลว ช่วยลดปริมาณขยะ และลดการใช้ทรัพยากร นำไปสู่การลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมตลอดทั้งกระบวนการ

“ทันต์ธนัท คงชาญศิริ” ผู้จัดการสำนักงานประจำประเทศไทย บริษัท อีโคลีนฯ กล่าวว่า อีโคลีนก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1996 ณ เมืองเฮลซิงบอร์ก ประเทศสวีเดน ดำเนินธุรกิจด้านนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์สำหรับอาหารเหลว

โดยให้ความสำคัญต่อการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมควบคู่ไปกับการสนับสนุนความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม ด้วยแนวคิดของการใช้วัสดุในการผลิตที่น้อยที่สุด แต่ยังคงไว้ซึ่งคุณภาพในด้านความยืดหยุ่นของเนื้อวัสดุ พร้อมนวัตกรรมการบรรจุที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพสูงผ่านเครื่องบรรจุเฉพาะ

ปัจจุบันอีโคลีนเติบโตอย่างก้าวกระโดด และขยายสู่หลายประเทศ โดยมีสาขามากถึง 30 ประเทศ ได้แก่ ประเทศจีน เวียดนาม และปากีสถาน โดยมุ่งคิดค้นและพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ สำหรับตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าในอุตสาหกรรมอาหารเหลวทั่วโลก

อาทิ NUTIFOOD และ Vinamilk เวียดนาม, CHIBA LOTTE MARINES ญี่ปุ่น, Vilac เกาหลี, SO GOOD FOODS อินโดนีเซีย TATUA นิวซีแลนด์ และประเทศไทย ที่ได้ร่วมกับแดรี่โฮมฯ นำไปบรรจุผลิตภัณฑ์นมออร์แกนิก และผลิตภัณฑ์นมถั่วเหลือง Plantbase Soy มีจำหน่ายในร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven & Mini Big C

สำหรับวัตกรรมรักษ์โลกด้วยบรรจุภัณฑ์ที่มีน้ำหนักเบา กลุ่มเป้าหมายคือ ผู้ผลิตอาหารพื้นฐานประเภทนม เช่น นมสด โยเกิร์ต เครื่องดื่มน้ำผลไม้ ชา กาแฟ รวมถึงเครื่องปรุงแต่งอาหารเหลว เช่น สลัด ซอส ครีม เป็นต้น รวมถึงผลิตภัณฑ์นมสดพาสเจอไรซ์

ล่าสุดสถิติจากอีโคลีน พบว่า ผู้บริโภคในประเทศไทยให้ความสำคัญต่อการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม จากการสำรวจผู้บริโภคพบว่า บรรจุภัณฑ์ต่าง ๆ ในท้องตลาดคือหนึ่งในปัจจัยที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญ โดยร้อยละ 45 ตัดสินใจเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่ใช้บรรจุภัณฑ์เพื่อความยั่งยืน และร้อยละ 69 ได้เลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่ลดการใช้พลาสติกลง

ขณะเดียวกันบรรจุภัณฑ์ของอีโคลีนมีความโดดเด่นคือมีน้ำหนักที่เบาขึ้น 50% เมื่อเทียบกับบรรจุภัณฑ์แบบดั้งเดิม ประหยัดทรัพยากรลดการใช้พลังงานตั้งแต่การผลิตไปจนถึงการขนส่ง ใช้วัสดุที่มีคุณภาพต่องานพิมพ์ สะดวกต่อการใช้งานด้วยการเปิด-ปิดบรรจุภัณฑ์แบบ snap quick

สามารถนำเข้าไมโครเวฟ เพราะผลิตจากวัสดุที่ปราศจากอะลูมิเนียม ออกแบบมา พร้อมด้ามจับที่บรรจุอากาศ ทั้งหมดช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และช่วยยืดอายุอาหารได้นานขึ้น

“วนิดา ชำนิกล้า” ผู้จัดการโรงงาน บริษัท แดรี่โฮมฯ เปิดเผยว่า บริษัทจัดตั้งขึ้นมาเพื่อผลิตสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมโดยการทำนมออร์แกนิก โดยการทำงานมองถึงข้อดีและข้อเสีย แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่

1.กลุ่มต้นน้ำการผลิตน้ำนมออร์แกนิก มีการส่งเสริมให้เกษตรกรหันมาทำฟาร์มออร์แกนิก โดยเฉพาะวัตถุดิบที่เป็นโคนม ปัจจุบันมีสมาชิก 25 ฟาร์ม จุดมุ่งหมายคือเปลี่ยนฟาร์มโคนมให้เป็นฟาร์มออร์แกนิกทั่วประเทศ เพราะปี 2568 ข้อตกลงการค้าระหว่างประเทศ (FTA) ภาษีนำเข้าน้ำนมจะเป็น 0 บาท อนาคตถ้าเกษตรไทยไม่พัฒนาหรือไม่มีข้อแตกต่างตลาดน้ำนมในประเทศคงสู้ต่างประเทศไม่ได้

2.กลุ่มกลางน้ำ คือโรงงานแดรี่โฮมฯมีการผลิตสินค้าเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในกระบวนการผลิตใช้พลังงานทางเลือก คือ พลังงานแสงอาทิตย์ และ 3.ปลายน้ำ ส่งเสริมผู้บริโภคหันมาบริโภคผลิตภัณฑ์ออร์แกนิก นอกจากสุขภาพดีแล้ว ผู้บริโภคยังช่วยลดการปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ได้

แดรี่โฮมฯจึงเลือกใช้บรรจุภัณฑ์อีโคลีน เพราะไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม มีส่วนประกอบของพลาสติกน้อย และใช้พื้นที่ในการจัดเก็บน้อยกว่าบรรจุภัณฑ์ทั่วไป สามารถรีไซเคิลได้ง่ายกว่ากล่องนมที่มีส่วนผสมของโลหะ

ซึ่งทางแดรี่โฮมฯได้ทำการวิจัยร่วมกับสถาบันพลาสติกแล้วว่าซองนมชนิดนี้ สามารถเก็บกลับมารีไซเคิลใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับขึ้นรูปเพื่อสร้างสรรค์เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ได้หลากหลาย สอดคล้องกับ circular economy ที่โลกกำลังให้ความสนใจและพัฒนาโมเดลนี้อย่างต่อเนื่อง

และอีกหนึ่งความสำเร็จที่สามารถการันตีคุณภาพของบรรจุภัณฑ์อีโคลีน คือ แดรี่โฮมฯได้รับรางวัล DEmark Award 2022 สาขากลุ่มออกแบบบรรจุภัณฑ์ โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์

ในอนาคตอีโคลีนอาจจะมีการทำบรรจุภัณฑ์ขนาดอื่น ๆ หากมีการใช้ถุงอีโคลีน มากขึ้นการปล่อยคาร์บอนฟุตพรินต์ในผลิตภัณฑ์จะน้อยลง ซึ่งแดรี่โฮมฯมีนโยบายว่าปี 2030 ต้องลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ลง 50% เมื่อเทียบกับปัจจุบัน สำหรับผลิตภัณฑ์นมจากทางแดรี่โฮมฯที่ใช้บรรจุภัณฑ์อีโคลีน สามารถหาซื้อได้ในซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำต่าง ๆ รวมถึงร้านค้าออนไลน์ทั่วประเทศ

โดยผลิตภัณฑ์ประกอบไปด้วย organic whole milk, organic low fat milk, organic grass fed milk และ bed time milk ขนาด 1,000 มิลลิลิตร เมื่อเทียบกับบรรจุภัณฑ์เดิมของแดรี่โฮมฯสามารถช่วยลดปริมาณการใช้พลาสติกได้ถึงร้อยละ 75, ช่วยลดปริมาณขยะและยังลดพื้นที่เก็บขยะให้ผู้บริโภคอีกด้วย