“ลา ฟลอร่า” ทุ่มพันล้าน เปิดเวลเนส LA VITA SANA พังงา

สมพงศ์ ดาวพิเศษ
สัมภาษณ์พิเศษ

การเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจหลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 มุมหนึ่งที่ปรากฏชัดคือ การปรับตัวในภาคธุรกิจบริการ โดยเฉพาะธุรกิจโรงแรม ซึ่งตั้งขึ้นมาเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เมื่อนักท่องเที่ยวลดลง หรือแทบจะเป็นศูนย์ในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ผู้ประกอบการต่างหาหนทางปรับตัวเพื่อพยุงธุรกิจให้เดินต่อไปได้ กิจการ wellness คือจุดมุ่งหมายที่ผู้ประกอบการหลายคนกำลังมุ่งไป

และสอดรับการก้าวย่างสู่สังคมผู้สูงวัย “ประชาชาติธุรกิจ” ได้สัมภาษณ์ “สมพงศ์ ดาวพิเศษ” นายกสมาคมโรงแรมที่พักส่งเสริมสุขภาพอันดามันและอ่าวไทย ประธานเครือโรงแรมลา ฟลอร่า กรุ๊ป และประธานบริษัท บุญถาวร เซรามิก จำกัด ถึงทิศทางและธุรกิจในอนาคตของเครือโรงแรมลา ฟลอร่า

นโยบายลงทุนด้านเวลเนส

ตอนเกิดสถานการณ์โควิด-19 ระบาด ประเทศไทยหันมาให้ความสำคัญพืชสมุนไพรไทย โดยเฉพาะฟ้าทะลายโจรนำมารักษาโควิด-19 ดังนั้น หลังเกิดโควิด-19 เริ่มมีการนำพืชสมุนไพรอื่นมาใช้ เรื่อง wellness มาอันดับหนึ่ง หลายประเทศเห็นความสำคัญของการใช้ธรรมชาติบำบัดในเรื่องสมุนไพรไม่ทำให้เกิดผลกระทบเหมือนการใช้เคมี ค่านิยมของสมุนไพรเริ่มขึ้นการบำบัดรักษามีหลากหลาย ทั้งวารีบำบัด นั่งสมาธิ เสียงบำบัด การเดินบนกรวดเพื่อให้เท้าได้กระตุ้นเส้นประสาท

การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพสามารถสร้างมูลค่าการตลาดได้ดีมาก สปาในกรุงเทพฯ เกิดขึ้นมากมาย

ข้อมูลสถิติที่เราดูบุ๊กกิ้ง นักท่องเที่ยวต่างชาติที่บินเข้ามาทั้งจังหวัดภูเก็ตและพังงาเพิ่มขึ้น 30% ส่วนหนึ่งมาท่องเที่ยวธรรมดา แต่มี 7% มาใช้บริการเรื่องเวลเนส ตรงนี้มีมูลค่ามหาศาล โดยค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นต่อวัน 150-200%

ธุรกิจโรงแรมเครือลา ฟลอร่า ตั้งอยู่ที่เขาหลัก จังหวัดพังงา เราเห็นว่า เกษตรกรในจังหวัดพังงามีการปลูกพืชสมุนไพรกันจำนวนมาก โดยเฉพาะบริเวณเขาหลักมีการปลูกขมิ้น ใน อ.ทับปุด และ อ.กะปง ถือเป็นสมุนไพรที่มีชื่อเสียงว่ามีคุณภาพที่ดีที่สุดในประเทศไทยตอนนี้ เพราะพื้นดินมีแร่ธาตุที่อุดมสมบูรณ์ น้ำดี ธรรมชาติ อากาศสูงกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 800 เมตร

หากมีการนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์สร้างมูลค่าเพิ่มได้มหาศาล พังงามีพื้นที่ที่เหมาะสมในการทำการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (wellness tourism) ช่วยสร้างเพิ่มมูลค่าขึ้นมาอีก 2-3 เท่าตัว

เราทำเวลเนสไม่ได้ทำเพื่อการค้าอย่างเดียว เราต้องการช่วยเหลือชาวบ้านที่ทำด้านเกษตรด้วย

LA VITA SANA

ทิศทางลงทุนของลา ฟลอร่า

ผมมีแผนการลงทุนด้านเวลเนส 3-4 โครงการต่อเนื่อง ผมอยากทำเรื่องธุรกิจการดูแลผู้ป่วยที่มีอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นใหม่หรือต่อเนื่องภายหลังการติดเชื้อโควิด-19 ยาวนาน (post COVID-19 syndrome treatment) ซึ่งทั่วโลกน่าจะมีจำนวนมาก หากมีผู้มาใช้บริการในประเทศไทย 1-2% ก็รองรับไม่ไหวแล้ว ในเมื่อเรามีตัวนำ แพทย์แผนไทย ทำไมเราไม่เอามาเป็นตัวนำ wellness tourism มาเที่ยวและมารักษาสุขภาพด้วย

โดยโครงการแรกจะเปิดตัวในวันที่ 12 สิงหาคม 2566 เป็น “สวนสุขภาพ” ภายใต้ชื่อไทยว่า “ชีวาสุข” หรือในชื่อภาษาละตินว่า LA VITA SANA บนเนื้อที่ 21 ไร่ บริเวณเขาหลัก จังหวัดพังงา เป็นศูนย์สุขภาพเพื่อการท่องเที่ยวในเชิงสุขภาพแบบครบวงจร (wellness tourism) มูลค่าลงทุนประมาณ 1,000 ล้านบาท (รวมค่าที่ดิน) เป็นศูนย์การแพทย์แผนไทยเกิดขึ้น

โดยร่วมมือกับหลายฝ่ายช่วยกันผลักดันสมุนไพรไทย และแพทย์แผนไทย ทั้งมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ทางส่วนราชการ เกษตรกรในชุมชนที่ปลูกสมุนไพรมาเราพร้อมรับซื้อ เพื่อสร้างแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ

ฝรั่งอยากมารักษา ป้องกัน เราพร้อมให้บริการ โดยภายในชีวาสุขจะมีกิจกรรมส่งเสริม บำบัด รักษา และฟื้นฟูสุขภาพให้กับผู้มาใช้บริการ มีแพทย์แผนไทยที่เชี่ยวชาญด้านสุขภาพมาค่อยให้คำปรึกษาและบริการ สำหรับลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ ทั้งยุโรป ตะวันออกกลาง ญี่ปุ่น เกาหลี

ภายในสวนสุขภาพจะประกอบด้วยอุทยานพันธุ์ไม้ มีการปลูกพืชสมุนไพรหลายร้อยสายพันธุ์ สวนผักออร์แกนิก บริการทางการแพทย์ ทั้งศูนย์การแพทย์แผนไทย แพทย์แผนจีน ออนเซ็น สปา นวดบำบัด เสียงบำบัด (sound therapy) วารีบำบัด โยคะ ฯลฯ ร้านอาหาร และเครื่องดื่มเสริมสมุนไพร มีการแปรรูปผลิตภัณฑ์สมุนไพร เช่น น้ำมันสมุนไพร ยาดม ยาหม่อง ครีมทาผิวสมุนไพร เป็นต้น โดยจะรับซื้อสมุนไพรที่ชาวบ้านในจังหวัดพังงาปลูกมาเป็นวัตถุดิบในการแปรรูป

นอกจากสวนสุขภาพชีวาสุขแล้ว ในอนาคตมีแผนทำโรงแรมเกี่ยวกับแพทย์แผนไทย ธุรกิจโรงพยาบาล เรามีที่ดินพร้อมอยู่แล้ว ซึ่งปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวต่างชาติจองที่พักเข้ามาในอันดามันจำนวนมาก เพื่อเข้ามาใช้บริการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ แต่ทั้งหมดต้องรอการปรับผังเมืองของพังงา ซึ่งที่ผ่านมาได้ทำเรื่องไปยังกรมโยธาธิการและผังเมืองแล้ว