คุยกับ “ฐาปนา บุณยประวิตร” มือปั้น “บริษัทพัฒนาเมือง” ทั่วไทย

สัมภาษณ์

ในแวดวงการพัฒนาเมืองและการวางผังเมือง เชื่อว่าชื่อของ “ฐาปนา บุณยประวิตร” ติดอยู่ในลิสต์อันดับต้น ๆ โดยเฉพาะกับแนวคิด การเติบโตอย่างชาญฉลาด (smart growth) ของสหรัฐอเมริกา ที่นักพัฒนาเมืองผู้นี้นำมาเผยแพร่ นอกจากนี้ เขายังมีอีกหลายบทบาท ทั้งในฐานะกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเซีย สเปซ แพลนนิ่ง จำกัด บริษัทที่ปรึกษาโครงการวางและจัดทำผังเมือง หรือนายกสมาคมการผังเมืองไทย

“ประชาชาติธุรกิจ” สัมภาษณ์ “ฐาปนา บุณยประวิตร” ถึงบทบาทในการปลุกปั้น “บริษัทพัฒนาเมือง” การพัฒนาเมืองรูปแบบใหม่ที่เกิดจากการรวมพลังของภาคเอกชนในหลายจังหวัด ดังนี้

“ฐาปนา” เริ่มการสนทนาว่า ย้อนไปการเกิดขึ้นของ “บริษัทพัฒนาเมือง” ต้องยกเครดิตให้กับภาคเอกชนท้องถิ่นจังหวัดขอนแก่นที่รวมตัวกันระดมเงินทุนจัดตั้ง “บริษัท ขอนแก่นพัฒนาเมือง จำกัด” เมื่อ 2 ปีที่แล้ว เป็นการลงทุนของเอกชน 100% เพื่อทำโครงการขนส่งมวลชน ด้วยการนำแนวคิด smart growth มาเป็นกรอบหลักของโครงการ

จุดเริ่มต้นของบริษัทขอนแก่นพัฒนาเมือง เกิดจากภาคเอกชนในขอนแก่นที่มองเห็นปัญหาของจังหวัด และไม่สามารถจะรอความหวังจากรัฐได้ ที่สำคัญคือ ปัญหาดังกล่าวมีแนวโน้มรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะปัญหาด้านการจราจร จึงถือเป็นภารกิจเร่งด่วนลำดับต้น ๆ ที่ต้องแก้ไข ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมทำโครงการรถไฟฟ้ารางเบา

นอกจากนี้ หลาย ๆ จังหวัดต่างก็ประสบปัญหาคล้าย ๆ กัน โดยเฉพาะปัญหาการจราจร เขานำโมเดล “บริษัทพัฒนาเมือง” ไปคุยกับภาคเอกชนจังหวัดภูเก็ต และสามารถตั้งบริษัท ภูเก็ตพัฒนาเมือง จำกัด ขึ้นมาได้ ภายในเวลาเพียง 4 เดือน ด้วยทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท และขณะนี้แตกบริษัทลูกออกมาถึง 6 บริษัท มีพนักงานราว 150 คน เพื่อเพิ่มศักยภาพในการดำเนินโครงการด้านพัฒนาเมืองแบบครบวงจร

ADVERTISMENT

และเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2561 ที่ผ่านมา บริษัทภูเก็ตพัฒนาเมือง ได้ลงทุนทำระบบขนส่งมวลชนเพื่อแก้ปัญหาการจราจรเป็นโครงการแรก ด้วยการเปิดให้บริการรถบัสขนส่งมวลชน “ภูเก็ต ทรานซิสท์”

จากภูเก็ต “ฐาปนา” ยังคงเดินหน้านำโมเดลนี้ไปคุยกับภาคเอกชนจังหวัดต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง และนำไปสู่การจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทพัฒนาเมืองของหลายจังหวัด ได้แก่ บริษัทสมุทรสาครพัฒนาเมือง, บริษัทสระบุรีพัฒนาเมือง, บริษัทระยองพัฒนาเมือง, บริษัทเชียงใหม่พัฒนาเมือง, บริษัทพิษณุโลกพัฒนาเมือง, บริษัทสุโขทัยพัฒนาเมือง, บริษัทชลบุรีพัฒนาเมือง, บริษัทสงขลาพัฒนาเมือง, บริษัทอุบลราชธานีพัฒนาเมือง

ADVERTISMENT

นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างการเตรียมจดทะเบียนอีก อาทิ จังหวัดอุดรธานี ฉะเชิงเทรา นครราชสีมา ยโสธร และอำนาจเจริญ คาดว่าภายในปีนี้จะมีบริษัทพัฒนาเมืองรวมไม่ต่ำกว่า 20 บริษัท หรือ 20 จังหวัด

“ฐาปนา” ย้ำว่า เป้าหมายหลักของการขับเคลื่อนบริษัทพัฒนาเมือง คือ แก้ไขปัญหาของเมืองหรือจังหวัดนั้น ๆ อย่างเร่งด่วน และเมื่อแก้ในสิ่งที่เป็นปัญหาเร่งด่วนนี้แล้ว ปัญหาอื่น ๆ จะเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย เนื่องจากปัญหาการจราจรเป็นเรื่องใหญ่ และทุกจังหวัดล้วนมีปัญหานี้เหมือนกัน และการจราจรก็จะเป็นปัญหาใหญ่ของเมืองในอนาคต

ดังนั้นการแก้ปัญหา จึงเริ่มที่ “ขนส่งมวลชน” และขนส่งมวลชนก็จะเป็นกลไกในการขับเคลื่อนเมือง ตามแนวคิดของ smart growth หากลงมือทำขนส่งมวลชน สิ่งอื่น ๆ จะเปลี่ยนตามไปด้วย เช่น จะส่งผลให้เกิดการพัฒนาพื้นที่รอบสถานีขนส่งมวลชน เช่น มีศูนย์ธุรกิจเกิดขึ้นรอบ ๆ สถานี เป็นต้น

นอกจากนี้ ระบบขนส่งมวลชนยังจะทำให้มีการเปลี่ยนแปลงเมืองในหลาย ๆ เรื่องเกิดตามมา เมื่อเมืองมีความกระชับ ก็จะทำให้เกิดเมืองคนเดิน เมืองคนปั่นจักรยาน เพราะเมื่อขนส่งมวลชนมาส่งคนที่สถานี คนเดินทางจะไปไหนต่อ ถ้าไปไม่ไกลมากเขาก็จะเลือกการเดิน หรือถ้าไกลมากก็อาจใช้จักรยาน ที่จะมีไบก์แชริ่งจอดอยู่ตามสถานีต่าง ๆ

หลังจากจุดประกายและปลุกปั้นบริษัทพัฒนาเมืองมาได้ 3 ปี สเต็ปต่อมา “ฐาปนา” ได้มีการต่อยอดมาสู่การจัดตั้งบริษัท รีเจียนนอล ทรานซิสท์ คอร์เปอร์เรชั่น จำกัด (RTC) เพื่อระดมทุนจากเครือข่ายกิจการพัฒนาเมืองในจังหวัดต่าง ๆ ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 5 ล้านบาท และจะเพิ่มเป็น 40 ล้านบาท ภายในเดือนเมษายนนี้ เป้าหมายสำคัญคือ การสนันสนุนและลงทุนเพื่อให้เกิดระบบขนส่งมวลชนขึ้นมาในเมือง

ล่าสุด เมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา RTC เริ่มลงทุนทำโครงการแรก รถบัสขนส่งมวลชน (CM transit) ที่เชียงใหม่ ด้วยงบประมาณราว 40 ล้านบาท และยังมีแผนจะลงทุนทำระบบขนส่งมวลชนในอีกหลาย ๆ จังหวัด อาทิ อุดรธานี สระบุรี และระยอง

ส่วนรูปแบบการลงทุนอาจจะเป็นบริษัทพัฒนาเมืองของแต่ละจังหวัดลงทุนเอง บริษัทพัฒนาเมืองของแต่ละจังหวัดร่วมทุนกับ RTC และ RTC เป็นผู้ลงทุนในกรณีที่จังหวัดนั้น ๆ ยังไม่มีความพร้อม

“เราตั้งเป้าจะนำ RTC เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯภายใน 3 ปี เพื่อระดมเงินทุนมาพัฒนาระบบขนส่งมวลชนให้ได้มาตรฐานมากยิ่งขึ้น”

เขาย้ำในตอนท้ายว่า ปัจจุบันการพัฒนาเมืองของไทยยังเป็นการพัฒนาในรูปแบบเก่า ไม่มีการวางแผนที่รัดกุม ทำให้เกิดสภาพการกระจัดกระจายของเมือง ส่งผลให้เมืองโตแบบไร้ทิศทางและเป็นการบังคับให้คนต้องใช้รถยนต์

ส่วนบุคคลเป็นหลัก ซึ่งการพัฒนาเมืองรูปแบบใหม่ ที่ขับเคลื่อนด้วยบริษัทพัฒนาเมือง จะทำให้เมืองกระชับมากขึ้น
และเมื่อบริษัทพัฒนาเมืองเริ่มโตขึ้นในระดับหนึ่ง ก็จะต้องดึงภาครัฐเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น เพื่อเอากระบวนการที่ขับเคลื่อนเป็นนโยบาย เพราะการพัฒนาเมืองที่จะสำเร็จได้ต้องร่วมกัน 2 ภาค คือ รัฐ และเอกชน

“การพัฒนาเมืองเป็นการสร้างความสัมพันธ์ของคนในเมือง คนที่มีเงิน 1 พันบาท 1 หมื่นบาท หรือ 1 ล้านบาท ก็ควรมีความเท่าเทียมกัน จ่ายค่ารถเมล์ 20 บาทเท่ากัน เป็นความเท่าเทียมเบื้องต้นที่ควรได้รับจากภาครัฐ และขนส่งมวลชนเป็นตัวเดียวที่จะทำให้ประชาชนเท่าเทียมกัน และจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเมือง”

นี่คือ มุมมองและแนวคิดแบบ smart ของนักพัฒนาเมืองวัย 57 ปี มือปั้น “บริษัทพัฒนาเมือง” ทั่วไทย