เศรษฐกิจภูมิภาค

“หมอเส็ง”ทุ่ม60ล.ตั้งสาขาเวียงจันทน์รุกเวียดนาม-กัมพูชา

หมอเส็งโกอินเตอร์ต่อเนื่อง ล่าสุดทุ่ม 60 ล้านสร้าง “สำนักงานใหญ่นครหลวงเวียงจันทน์” สปป.ลาว พร้อมขยายตลาดไปเวียดนาม-กัมพูชา ปี”61 ออกผลิตภัณฑ์ใหม่หวังเจาะตลาดเอเชีย ชี้รหัสสมาชิกพุ่ง 5 ล้านรหัส

นายกิติชัย แสงสุริยะฉัตร ผู้อำนวยการศูนย์หมอเส็ง สปป.ลาว และทายาทรุ่นที่ 2 ธุรกิจขายตรงหมอเส็ง เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ภายหลังจากที่บริษัทหมอเส็งได้ทำการตลาดใน สปป.ลาวมากว่า 12 ปี โดยการเช่าพื้นที่ทำสำนักงานใหญ่ เพื่อบริหารจัดการและกระจายสินค้า

ล่าสุดในปี 2561 ได้ทุ่มงบประมาณ 60 ล้านบาท ซื้อที่ดินในนครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว เพื่อสร้างสำนักงานใหญ่เป็นครั้งแรก เนื่องจากมั่นใจในศักยภาพตลาด และกำลังซื้อของประชากร สปป.ลาว ที่มีสูงอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ที่ผลิตภัณฑ์หมอเส็งได้กระจายครอบคลุมทุกภูมิภาคใน สปป.ลาว รวมถึงชาวเขาเผ่าม้งด้วย ซึ่งเป็นเครือข่ายในการกระจายสินค้า ขณะเดียวกันมีการขยายตลาดไปประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ เวียดนามและกัมพูชา ซึ่งนับเป็นตลาดที่น่าสนใจอย่างมาก ทั้งนี้ปัจจุบันหมอเส็งมีรหัสสมาชิกรวมทั้งหมดประมาณ 5 ล้านรหัส โดยที่ผ่านมาหมอเส็งมีสัดส่วนยอดขายในประเทศไทย 80% และอีก 20% เป็นยอดขายตลาดต่างประเทศ

ขณะเดียวกัน ปี 2561 หมอเส็งได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ คือ ยาดองและกาแฟสมุนไพร ซึ่งได้วางแผนเร่งทำการตลาด โดยเฉพาะการสร้างการรับรู้ และสร้างความเข้าใจในผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับสมุนไพร เนื่องจากการโฆษณาเพียงอย่างเดียวไม่ได้ ต้องทำความเข้าใจในตัวผลิตภัณฑ์ คุณสมบัติต่าง ๆ ทั้งนี้ตลาดเอเชียมีความนิยมในกลุ่มผลิตภัณฑ์สมุนไพรอยู่แล้ว

“สมุนไพรที่นำมาเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ของหมอเส็งนั้น มีทั้งปลูกเอง จ้างปลูก และเครือข่าย รวมทั้งการนำเข้า โดยแต่ละพื้นที่ปลูกสมุนไพรจะมีดินที่แตกต่างกัน ทำให้คุณสมบัติของสมุนไพรเปลี่ยน เช่นเดียวกับสมุนไพรต้นเดียวกัน แต่ละส่วนของต้นสรรพคุณจะแตกต่างกัน เช่น กิ่ง ก้าน ใบ สรรพคุณจะไม่เหมือนกันด้วย” นายกิติชัยกล่าว

อนึ่ง หมอเส็งจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดูแลและบำรุงร่างกายมากกว่า 30 ชนิด โดยมีผลิตภัณฑ์เด่น คือ ผลิตภัณฑ์จากขมิ้นชัน โดยมีโรงงานผลิตอยู่ที่จังหวัดสระบุรี ผลิตตั้งแต่ต้นน้ำ คือ ปลูก จนถึงการผลิต และกระจายสินค้าในลักษณะการขาย MLM (ธุรกิจเครือข่าย) รวมถึงการสต๊อกสินค้า โดยเปิดศูนย์กระจายสินค้าสำนักงานใหญ่ที่จังหวัดปทุมธานี สมุทรปราการ สุราษฎร์ธานี นครราชสีมา และอุดรธานี และมีศูนย์กระจายสินค้าย่อยของสมาชิกทั่วประเทศกว่า 1,000 ศูนย์