เศรษฐกิจ “หาดใหญ่” ทรุดหนัก ลูกค้าหลัก “มาเลย์-สิงคโปร์-อินโดฯ” อ่วมไวรัส

สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศมาเลเซีย สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย ที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น ส่งผลกระทบให้ “อ.หาดใหญ่” จังหวัดสงขลา หนึ่งในเมืองท่องเที่ยวหลักทางภาคใต้ที่พึ่งพารายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวมาเลเซีย สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย เป็นหลัก ยังไม่เห็นโอกาสที่เศรษฐกิจจะฟื้นตัว

ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” ได้ลงสำรวจตามย่านธุรกิจการค้าสำคัญกลางเมืองเทศบาลนครหาดใหญ่ โดยเฉพาะย่านดาวน์ทาวน์ยอดนิยมของนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย เช่น ถนนประชาธิปัตย์ ถนนเสน่หานุสรณ์ ถนนธรรมนูญวิถี ถนนศุภสารรังสรรค์ ถนนนิพัทธ์อุทิศ 1, 2, และถนนนิพัทธ์อุทิศ 3 พบว่ามีการปิดกิจการ และปิดป้ายทั้งขาย และให้เช่าจำนวนมาก

โดยเฉพาะธุรกิจโรงแรม รีสอร์ต อพาร์ตเมนต์ มีการประกาศขายตั้งแต่ระดับราคา 10 ล้านบาท จนถึงระดับราคา 600 ล้านบาท ทางด้าน นายสมบูรณ์ พงศ์เลิศนภากร ผู้จัดการ เจ้าของโรงแรมเอเชียนหาดใหญ่ กลางใจเมืองเทศบาลนครหาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ภาวะเศรษฐกิจการค้าในหาดใหญ่ยังซบเซามาก

โดยเฉพาะผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมในหาดใหญ่ ที่เป็นสมาชิกของสมาคมโรงแรมหาดใหญ่ สงขลา ประมาณ 20,000 ห้อง ที่ไม่ได้เป็นสมาชิก เป็นโรงแรม ห้องพักประเภทต่าง ๆ อีกประมาณ 5,000-6,000 ห้องเนื่องจากหาดใหญ่เป็นเมืองท่องเที่ยวที่พึ่งรายได้จากคนไทยภายในประเทศเพียง 30% ส่วนรายได้หลักมาจากนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นหลัก

แบ่งเป็นชาวมาเลเซียประมาณ 55% ที่เหลือเป็นรายได้จากคนสิงคโปร์ และอินโดนีเซีย ส่งผลให้ตอนนี้มีโรงแรมขนาดใหญ่ถึงขั้นบอกขายกิจการระดับราคา 600 ล้านบาท เนื่องจากต่างประสบภาวะขาดทุนกันอย่างหนัก

“ธุรกิจโรงแรมเอเชียนฯเปิดให้บริการมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2563 จนถึงขณะนี้ ประสบภาวะขาดทุนประมาณ 200,000 บาท/เดือน ขนาดต้นทุนต่ำที่สุด ปรับตัวทุกรูปแบบแล้ว คาดว่าจะประสบภาวะขาดทุนต่อเนื่องไปจนถึงต้นปีหน้า 2564 และทางออกที่จะเอามาชดเชยที่นักท่องเที่ยวต่างชาติขาดหายไป ยังมองไม่เห็น จนกว่าสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 จะยุติ มีวัคซีนมาใช้

แหล่งข่าวจากร้านค้าปลีกผู้จำหน่ายกางเกง เสื้อ ฯลฯ ย่านดาวน์ทาวน์กลางเมืองเทศบาลนครหาดใหญ่ จ.สงขลา เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า สถานการณ์โควิด-19 ส่งผลโดยตรงต่อภาพรวมทางเศรษฐกิจของ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา

โดยเฉพาะย่านดาวน์ทาวน์ที่พึ่งพารายได้จากนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ 80-90% ทำให้บางรายไม่มีรายได้เข้ามาเลย แต่ยังต้องแบกรับภาระค่าเช่าอาคารสำนักงานหรือร้านค้า

ขณะที่ผู้ประกอบการอาคารหรือตึกบางรายที่เคยเก็บค่าเช่าประมาณ 40,000-50,000 บาทต่อเดือน ได้ยอมพักค่าเช่าให้ถึง 4 เดือน แต่เมื่อไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา เจ้าของร้านต่างทยอยเลิกกิจการไปจำนวนหนึ่ง ทั้งร้านเสื้อผ้า ร้านอาหาร ทัวร์ นวดแผนไทย นวดฝ่าเท้า บาร์เบอร์ ร้านเสริมสวย รวมถึงบูทจำหน่ายสินค้าในห้างสรรพสินค้าก็ทยอยย้ายออกไปขายตามบูทถนนคนเดิน ซึ่งมีค่าเช่าต่อวันถูกกว่ามาก

โดยเฉพาะผู้ประกอบการธุรกิจทัวร์ รถบัสโดยสาร อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา กับประเทศมาเลเซีย และประเทศสิงคโปร์ บางรายประสบภาวะขาดทุนกว่า 10 ล้านบาท

ยกตัวอย่าง ช่วงเทศกาลถือศีลกินเจ 9 วัน ในเดือนตุลาคม 2563 ที่ผ่านมา ย่านวัดฉื่อฉาง ถนนศุภสารรังสรรค์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เป็นถนนสายเจของเมืองเทศบาลนครหาดใหญ่ ปกติมีผู้ถือศีลกินเจไปเลือกซื้ออาหารเจมารับประทานกันอย่างคึกคัก แต่ช่วงเทศกาลกินเจปีนี้ตามถนนสายเจและตามศาลเจ้าโรงเจ และวัดจีนในเมืองเทศบาลนครหาดใหญ่ ไม่คักคึกเหมือนทุกปีที่ผ่านมา


เนื่องจากไม่มีทัวร์บุญของนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย และสิงคโปร์ เดินทางเข้ามาจากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ประกอบกับประชาชนจำนวนมากไม่มีงานทำ ทำให้ไม่มีรายได้มาทานเจ