“แม็คกรุ๊ป” จัดทัพบุกออนไลน์ แตกสินค้าใหม่ชิงกำลังซื้อสปอร์ตแฟชั่น

“แม็คกรุ๊ป” เร่งเครื่องรอบทิศ หวังดึงรายได้คัมแบ็ก ! จัดทัพไอทีลุยออมนิแชนเนล เสริมทัพช่องทางขาย 900 แห่ง-ผุดโปรแกรมซีอาร์เอ็มมัดใจฐานลูกค้า 5 แสนราย ก่อนแตกไลน์สินค้าใหม่อีกเพียบ เล็งเปิดตัวรองเท้าผ้าใบ/แอ็กทีฟแวร์ รับเทรนด์สปอร์ตแฟชั่นโตแรง พร้อมเดินหน้าขยายตลาดโกอินเตอร์ หวังขึ้นแท่นเอเชียแบรนด์

นางสาวสุณี เสรีภาณุ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าเครื่องแต่งกายแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ แบรนด์แม็ค, แม็คเลดี้, แม็คมินิ, เอ็มแอนด์ซี ฯลฯ กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมากำลังซื้อของผู้บริโภค และความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ ทำให้ยอดขายของบริษัทหดตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบ 40 ปี ประมาณ 3-5% อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าบรรยากาศการจับจ่ายในปีนี้จะปรับตัวดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นไป จากการลงทุนของภาครัฐ การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ฯลฯ จะช่วยให้บริษัทกลับมาเติบโตได้อีกครั้งในปีนี้

โดยกลยุทธ์ที่จะมาช่วยขับเคลื่อนเน้นการพัฒนาระบบไอที เพื่อสร้างแพลตฟอร์มการขายรูปแบบออมนิแชนเนล (การค้าปลีกผ่านหลายช่องทาง) เชื่อมการซื้อขายออฟไลน์ที่มีอยู่เดิมกว่า 900 จุดขายทั่วประเทศ กับช่องทางออนไลน์ ทั้งอีคอมเมิร์ซของบริษัท www.mcshop.com และมาร์เก็ตเพลส รองรับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่และบริหารสินค้าคงคลังได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ในขณะที่การขยายสาขาออฟไลน์ก็ยังคงเดินหน้าเปิดอีก 25-30 สาขา

ตลอดจนการกระตุ้นยอดขายด้วยระบบซีอาร์เอ็ม เปิดตัวบัตรสมาชิก MC Club เพื่อสร้างฐานลูกค้าให้แข็งแกร่ง จูงใจให้เกิดความจงรักภักดีในแบรนด์และการซื้อซ้ำ ด้วยโปรแกรมสิทธิพิเศษสำหรับสมาชิก อาทิ การสะสมคะแนนแลกส่วนลด การลุ้นรับสินค้าในร้านฟรี ฯลฯ โดยคาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะมีฐานลูกค้าในระบบ 500,000 ราย โดยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาได้ลงทุนระบบไอทีต่าง ๆ ไปกว่า 200 ล้านบาท

ทั้งนี้ ได้ปรับลดดีกรีในการทำโปรโมชั่นลง หลังจากปีที่ผ่านมาได้ใช้งบฯกับการทำส่วนลดมากกว่า 400 ล้านบาท เพื่อดึงยอดขายให้เติบโตตามที่ตั้งเป้าเอาไว้ จึงทำให้กำไรหดตัวลงไปด้วย แต่ในปีนี้จะลดลงเหลือประมาณ 300 ล้านบาท และจะนำไปเพิ่มในการทำกิจกรรมการตลาดรูปแบบอื่น อาทิ จัดคอนเสิร์ต การเปิดตัวสินค้าใหม่ เป็นต้น

ปัจจุบันสินค้าของแม็คกรุ๊ป ครอบคลุม 5 แคทิกอรี่ คือ ยีนส์ 60% เครื่องแต่งกายที่ไม่ใช่ยีนส์ 20% นาฬิกา 10% สกินแคร์ และแอ็กเซสซอรี่ รวมกันอีก 10% ปีนี้จะมีการเปิดตัวสินค้าใหม่ เช่น รองเท้าผ้าใบ, แอ็กทีฟแวร์ ชุดออกกำลังกาย รับกับการเติบโตของตลาดในกลุ่มสปอร์ตแฟชั่นที่ขยายตัวสูง และไลน์อัพใหม่ ๆ ในกลุ่มเครื่องสำอาง ภายใต้แบรนด์เอ็มแอนด์ซี รวมถึงเครื่องหอมภายใต้แบรนด์ อะโรมาติค แอคทีฟ อย่างต่อเนื่อง ส่วนสินค้าในกลุ่มยีนส์ มีแผนส่งนวัตกรรมใหม่ ๆ เข้ามาปลุกตลาดอย่างต่ำ 1 ครั้งต่อปี และนอกจากการขยายตลาดในประเทศแล้ว บริษัทยังตั้งเป้าสู่การเป็นเอเชียแบรนด์ หรือการเข้าไปขายในกลุ่มประเทศเอเชียให้ครอบคลุมอย่างน้อย 10 ประเทศ ซึ่งปัจจุบันได้เข้าไปจำหน่ายแล้วในเมียนมา ลาว อิหร่าน เร็ว ๆ นี้จะเข้าไปในมาเลเซีย และอินโดนีเซียเพิ่ม

นางสาวจรินธร วิมลเกียรติศักดิ์ ผู้บริหารแผนกธุรกิจต่างประเทศ บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า เมียนมาเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการขยายตัวสูง โดยตัวเลขการใช้จ่ายต่อหัวในเครื่องแต่งกายแฟชั่นปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 3,000 บาทต่อปี คาดว่าปีนี้จะเติบโตขึ้นอย่างต่ำ 10% หรือ 3,300 บาทต่อปี เนื่องจากเมียนมามีการขยายตัวของกลุ่มคนชั้นกลาง ค่าแรงที่เพิ่มขึ้น และการเข้าถึงสื่อออนไลน์ที่มีผลต่อวัฒนธรรมการแต่งกายคนรุ่นใหม่มากขึ้น สินค้าของแม็คยีนส์ในเมียนมา มี 8 สาขา ในย่างกุ้ง มัณฑะเลย์ ตองยี และมิตจีน่า เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าที่มีระดับรายได้ปานกลางถึงระดับสูง ส่วนปีที่ผ่านมาได้เริ่มเข้าไปจำหน่ายในตะวันออกกลาง 2 สาขา ที่เกาะคริช และเตรียมเปิดเพิ่มอีก 2 สาขาในปีนี้ที่กรุงเตหะราน

“อิหร่านมีประชากรถึง 80 ล้านคน มีรายได้เฉลี่ยของคนในหัวเมืองใหญ่อยู่ในระดับสูงกว่า 16,000 บาทต่อเดือน และการแต่งกายยังได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมฝั่งยุโรป กำลังซื้อของอิหร่าน ตลอดจนการเข้าไปยังประเทศใหม่ ๆ ในอนาคต คาดว่าจะทำให้ภายใน 3 ปี บริษัทจะมียอดขายจากต่างประเทศไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท”